ข้อ 55
สำนักระหว่างประเทศ
(1) งานด้านบริหารที่เกี่ยวข้องกับสหภาพ ให้ดำเนินการโดยสำนักระหว่างประเทศ
(2) ให้สำนักระหว่างประเทศจัดให้มีฝ่ายเลขานุการของหน่วยงานต่างๆ ของสหภาพ
(3) ให้ผู้อำนวยการใหญ่เป็นหัวหน้าผู้บริหารของสหภาพ และทำหน้าที่แทนสหภาพ
(4) ให้สำนักระหว่างประเทศตีพิมพ์หนังสือประกาศโฆษณาและสิ่งพิมพ์อื่นๆ ตามที่กำหนดในข้อบังคับหรือตามที่สมัชชาร้องขอ
(5) ในข้อบังคับให้ระบุการบริการต่างๆ ที่สำนักงานในประเทศจะต้องปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือสำนักระหว่างประเทศ องค์กรตรวจค้นระหว่างประเทศ และองค์กรตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศในการปฏิบัติหน้าที่ตามสนธิสัญญาฉบับนี้
(6) ผู้อำนวยการใหญ่และคณะเจ้าหน้าที่ที่ผู้อำนวยการใหญ่มอบหมายเข้าร่วมประชุมโดยไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียง ในการประชุมทั้งหมดของสมัชชา คณะกรรมการบริหาร และคณะกรรมการหรือคณะทำงานอื่นใดที่จัดตั้งขึ้นตามสนธิสัญญานี้และข้อบังคับ ให้ผู้อำนวยการใหญ่หรือเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ผู้อำนวยการใหญ่มอบหมายเป็นเลขานุการโดยตำแหน่งของคณะกรรมการหรือคณะทำงานเหล่านั้น
(7) (เอ) ให้สำนักระหว่างประเทศจัดเตรียมการประชุมเพื่อพิจารณาปรับปรุงแก้ไขสนธิสัญญา ตามคำแนะนำของสมัชชาและโดยร่วมมือกับคณะกรรมการบริหาร
(บี) สำนักระหว่างประเทศอาจหารือกับองค์การระดับระหว่างประเทศ และองค์การเอกชนระหว่างประเทศต่างๆ เกี่ยวกับการเตรียมการประชุมเพื่อปรับปรุงแก้ไขสนธิสัญญา
(ซี) ให้ผู้อำนวยการใหญ่และบุคคลที่ผู้อำนวยการใหญ่มอบหมายมีส่วนร่วมอภิปรายในการประชุมเพื่อปรับปรุงแก้ไขสนธิสัญญาโดยไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียง
(8) ให้สำนักระหว่างประเทศปฏิบัติภารกิจอื่นใดตามที่ได้รับมอบหมาย
ข้อ 56
คณะกรรมการเพื่อความร่วมมือทางเทคนิค
(1) ให้สมัชชาจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อความร่วมมือทางเทคนิค (ซึ่งในข้อนี้ให้เรียกว่า “คณะกรรมการ”)
(2) (เอ) ให้สมัชชากำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการและแต่งตั้งสมาชิก ของคณะกรรมการ โดยคำนึงถึงการเป็นตัวแทนของประเทศกำลังพัฒนาอย่างเท่าเทียมกันด้วย
(บี) ให้องค์กรตรวจค้นระหว่างประเทศ และองค์กรตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศเป็นสมาชิกโดยตำแหน่งของคณะกรรมการ ในกรณีที่สำนักงานนั้นเป็นสำนักงานในประเทศของรัฐภาคี รัฐนั้นจะไม่สามารถมีผู้แทนมาเพิ่มในคณะกรรมการอีก
(ซี) ถ้าจำนวนรัฐภาคีมีเพียงพอ ให้จำนวนสมาชิกทั้งหมดของคณะกรรมการมีจำนวนมากกว่าสองเท่าของจำนวนสมาชิกโดยตำแหน่ง
(ดี) ให้ผู้อำนวยการใหญ่เชิญผู้แทนขององค์การต่างๆ ที่มีส่วนได้เสียเข้าร่วมอภิปรายในเรื่องที่องค์การเหล่านั้นมีส่วนได้เสีย โดยการริเริ่มของผู้อำนวยการใหญ่เองหรือเมื่อคณะกรรมการร้องขอก็ได้
(3) จุดมุ่งหมายของคณะกรรมการ คือ ให้ความช่วยเหลือ โดยการให้คำปรึกษาและคำแนะนำเพื่อ
(i) ปรับปรุงการให้บริการตามสนธิสัญญานี้อย่างสม่ำเสมอ
(ii) ทำให้มั่นใจว่าองค์กรตรวจค้นระหว่างประเทศและองค์กรตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก มีกระบวนการจัดเอกสารและวิธีการดำเนินงานที่เป็นเอกภาพในระดับสูงสุด และมีรายงานที่มีคุณภาพสูงเท่าเทียมกันในระดับสูงสุด และ
(iii) แก้ไขปัญหาทางเทคนิค โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งองค์กรตรวจค้นระหว่างประเทศให้มีเพียงแห่งเดียว ทั้งนี้ โดยการริเริ่มของสมัชชาหรือคณะกรรมการบริหาร
(4) รัฐภาคีและองค์การระหว่างประเทศใดที่มีส่วนได้เสีย อาจมีหนังสือถึงคณะกรรมการเพื่อสอบถามปัญหาที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการก็ได้
(5) คณะกรรมการอาจเสนอคำปรึกษาและคำแนะนำให้แก่ผู้อำนวยการใหญ่ หรือส่งผ่านผู้อำนวยการใหญ่ไปยังสมัชชา คณะกรรมการบริหาร องค์กรตรวจค้นระหว่างประเทศและองค์กรตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศทุกแห่งหรือบางแห่ง และสำนักงานรับคำขอทุกแห่งหรือบางแห่งก็ได้
(6) (เอ) ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ให้ผู้อำนวยการใหญ่ส่งข้อความของคำปรึกษาและคำแนะนำทั้งหมดของคณะกรรมการให้แก่คณะกรรมการบริหาร ซึ่งผู้อำนวยการใหญ่อาจให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อความนั้นด้วยก็ได้
(บี) คณะกรรมการบริหารอาจแสดงความเห็นที่มีต่อคำปรึกษา คำแนะนำหรือกิจกรรมอื่นใดของคณะกรรมการ และอาจขอให้คณะกรรมการศึกษาและทำรายงานเกี่ยวกับปัญหาที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการบริหารอาจส่งคำปรึกษาคำแนะนำและรายงานของคณะกรรมการพร้อมด้วยข้อคิดเห็นตามที่สมควรให้แก่สมัชชาก็ได้
(7) จนกว่าจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหาร การกล่าวถึงคณะกรรมการบริหารในวรรค (6) ให้หมายความถึงสมัชชา
(8) รายละเอียดของการดำเนินงานของคณะกรรมการ ให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของสมัชชา
ข้อ 57
การเงิน
(1) (เอ) ให้สหภาพมีงบประมาณ
(บี) งบประมาณของสหภาพให้รวมถึง รายได้และค่าใช้จ่ายของสหภาพ และการช่วยเหลืองบประมาณค่าใช้จ่ายร่วมของสหภาพต่างๆ ที่กำกับดูแลโดยองค์การ
(ซี) ค่าใช้จ่ายที่ไม่อาจถือได้ว่ามาจากสหภาพเพียงแห่งเดียวเท่านั้น แต่มาจากสหภาพอื่นๆ ที่กำกับดูแลโดยองค์การด้วย ให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายร่วมของสหภาพต่างๆ ส่วนแบ่งในค่าใช้จ่ายร่วมดังกล่าวของสหภาพให้แบ่งตามสัดส่วนของผลประโยชน์ที่สหภาพมีอยู่ในค่าใช้จ่ายร่วมนั้น
(2) ให้ตั้งงบประมาณของสหภาพโดยคำนึงถึงความจำเป็นในการประสานงานกับงบประมาณของสหภาพอื่นๆ ที่กำกับดูแลโดยองค์การ
(3) ภายใต้บังคับบทบัญญัติวรรค (5) ให้งบประมาณของสหภาพได้รับเงินจากแหล่งรายได้ดังต่อไปนี้
(i) ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากบริการของสำนักระหว่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวกับสหภาพ
(ii) การขาย หรือค่าลิขสิทธิ์ในสิ่งพิมพ์ของสำนักระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับสหภาพ
(iii) ของขวัญ มรดก และเงินช่วยเหลือต่างๆ
(iv) ค่าเช่า ผลประโยชน์ และรายได้เบ็ดเตล็ดอื่นๆ
(4) ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายของสำนักระหว่างประเทศ และราคาของสิ่งพิมพ์ของสำนักระหว่างประเทศให้กำหนดในอัตราที่เพียงพอในสถานการณ์ปกติสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดของสำนักระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานตามสนธิสัญญานี้
(5) (เอ) ถ้าหากสิ้นปีงบประมาณใดมีการขาดดุล ให้รัฐภาคีมีส่วนร่วมชำระเงินสนับสนุนให้เพียงพอกับที่ขาดดุลนั้นตามบทบัญญัติของอนุวรรค (บี) และ (ซี)
(บี) ให้สมัชชากำหนดจำนวนเงินสนับสนุนของแต่ละรัฐภาคี โดยคำนึงถึงจำนวนคำขอระหว่างประเทศที่ยื่นมาจากแต่ละรัฐในปีที่นั้นๆ
(ซี) ถ้ามีวิธีอื่นที่จะช่วยชดเชยการขาดดุลได้บ้างหรือเพียงบางส่วนเป็นการชั่วคราวสมัชชาอาจพิจารณาให้ยกยอดการขาดดุลไปก่อน และไม่ต้องร้องขอให้รัฐภาคีชำระเงินสนับสนุนก็ได้
(ดี) ถ้าสถานการณ์ทางการเงินของสหภาพเอื้ออำนวย สมัชชาอาจวินิจฉัยให้คืนเงินสนับสนุนที่ได้รับชำระตามอนุวรรค (เอ) คืนให้แก่รัฐภาคีที่ได้ชำระเงินนั้นมาก็ได้
(อี) รัฐภาคีที่มิได้ชำระเงินสนับสนุนตามอนุวรรค (บี) ภายในสองปีนับจากวันครบกำหนดชำระตามที่สมัชชากำหนด รัฐภาคีนั้นไม่สามารถใช้สิทธิลงคะแนนเสียงในองค์กรใดๆ ของสหภาพ อย่างไรก็ตาม องค์กรใดๆ ของสหภาพอาจอนุญาตให้ประเทศนั้นยังคงมีสิทธิลงคะแนนเสียงในองค์กรนั้น หากเห็นว่าการชำระเงินล่าช้านั้นเกิดจากสถานการณ์พิเศษ หรือไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
Next Page
[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] |