เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาได้ประกาศให้ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยที่ควบคุมตามสัญญา โดยกำหนดเงื่อนไขหลายประการที่มีลักษณะที่เป็นข้อปฎิบัติ หรือที่เป็นข้อห้ามที่กำหนดลงในสัญญาสำหรับผู้ประกอบการ เพื่อที่จะมีมาตราการในการควบคุมผู้ประกอบธุรกิจไม่ให้เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ซึ่งการประกาศดังกล่าวนั้น เป็นอำนาจในการต่อรองกับผู้ประกอบธุรกิจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้บริโภคด้วย ประกาศดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 โดยในระหว่างช่วงเวลานี้ ให้ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องมีการปรับปรุง แก้ไข เงื่อนไขในสัญญาให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์หรือลักษณะ เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องต่อไป
ผู้อยู่ภายใต้บังคับ
– ผู้ประกอบธุรกิจ (ผู้ให้เช่า) เช่น ห้องพัก บ้าน อาคารชุด อพาร์ตเม้นท์ ฯลฯ แต่ไม่รวมถึง หอพัก และโรงแรม
– ผู้เช่า รวมถึงผู้เช่าช่วงซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา
ข้อปฎิบัติของผู้ให้เช่า
ในสัญญาเช่าต้องมีข้อกำหนด หรือรายละเอียด ดังต่อไปนี้ คือ
- ตัวอักษรต้องอ่านชัดเจน
- มีรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อ ที่อยู่ของผู้ให้เช่า ผู้เช่า ที่ตั้งและรายละเอียดของทรัพย์ที่ให้เช่า ระยะเวลาเช่า ค่าเช่า เงินประกัน ค่าสาธารณูปโภค โดยต้องแสดง วิธีการและระยะเวลาที่ต้องชำระไว้ด้วย
- ผู้ให้เช่าต้องส่งใบแจ้งหนี้ให้กับผู้เช่า ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน ผู้เช่ามีสิทธิตรวจสอบข้อมูลเงินที่ต้องชำระ
- ผู้ให้เช่าต้องคืนเงินประกันแก่ผู้เช่าทันทีเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลง
- ผู้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญา โดยทำเป็นหนังสือให้แก่ผู้ให้เช่าไม่น้อยกว่า 30 วัน ทั้งนี้ ผู้เช่าต้องไม่ค้างค่าเช่า และมีเหตุจำเป็น
- การผิดสัญญา จะต้องระบุด้วยตัวอักษรที่เด่นชัดกว่าข้อความทั่วไป และการเลิกสัญญา ผู้ให้เช่าต้องทำหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าปฎิบัติตามสัญญาอย่างน้อย 30 วัน นับแต่ผู้เช่าได้รับหนังสือ และผู้เช่าไม่ปฎิบัติผู้ให้เช่าจึงมีสิทธิเลิกสัญญา
- ผู้ให้เช่าต้องมอบสัญญาให้ผู้เช่าเก็บไว้ 1 ฉบับ
ข้อตกลงที่ห้ามกำหนดในสัญญา
ห้ามมิให้สัญญามีข้อกำหนดดังต่อไปนี้ คือ
- ยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ให้เช่า
- เรียกเก็บค่าเช่าล่วงหน้าเกิน 1 เดือน
- เรียกเก็บเงินประกันเกิน 1 เดือน
4.ริบเงินประกันหรือค่าเช่าล่วงหน้า
- ให้ผู้ให้เช่ามีสิทธิเปลี่ยนแปลงค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค ฯลฯ ก่อนสัญญาเช่าสิ้นสุด
- ให้ผู้ให้เช่าตรวจสอบอาคารโดยมิต้องแจ้งก่อนล่วงหน้า
- ให้ผู้ให้เช่ากำหนดค่าไฟฟ้าและน้ำประปาเกินกว่าอัตราที่ผู้ให้บริการกระแสไฟฟ้าและน้ำประปาเรียกเก็บจากผู้ให้เช่า ในกรณีที่ผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่า หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ
- ให้ผู้ให้เช่ามีสิทธิปิดกั้นไม่ให้ผู้เช่าเข้าไปใช้ประโยชน์อาคาร หรือเช้าไปในอาคารเพื่อยึดทรัพย์สิน หรือขนย้ายทรัพย์สินของผู้เช่า
- ให้ผู้ให้เช่ามีสิทธิเรียกค่าต่อสัญญาเช่าอาคารจากผู้เช่ารายเดิม
- ให้ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญากับผู้เช่า โดยผู้เช่ามิได้ผิดสัญญา หรือผิดเงื่อนไขสำคัญประการใด
- ให้ผู้เช่าต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้งานตามปกติ ต่อทรัพย์สินต่างๆ ของอาคารหรือจากเหตุสุดวิสัย
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง