ตามรายงานข่าวของมติชนออนไลน์ (ที่มา: matichononline)
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2559 กรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ ผู้แทนสูตินรีแพทย์จากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญทางด้านกุมารเวช ประชุมพิจารณาแนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัยและดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่สงสัยว่าติดเชื้อไวรัสซิกาของประเทศไทย
ไวรัสซิกา หรือไข้ซิกา เป็นเชื้อไวรัสในตระกูลเฟลวิไวรัส (flavivirus) สามารถติดต่อได้ 2 ทางคือยุงลายกันและเพศสัมพันธ์ โดยกลุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสซิกามากที่สุดคือกลุ่มสตรีตั้งครรภ์ ซึ่งหากติดเชื้อแล้วจะทำให้เด็กทารกในครรภ์ได้รับอันตราด้วย คือจะทำให้เด็กมีศีรษะเล็กกว่าปกติ และหากเมื่อติดเชื้อแล้วอาจจะมีทั้งผู้ที่แสดงอาการ โดยมีอาการไข้ ผื่นขึ้น ตาแดง ปวดเมื่อยตามตัว ปวดข้อ และมีกลุ่มที่ไม่มีอาการใดๆด้วยเช่นกัน
สำหรับสถานการณ์เกี่ยวกับการระบาดเชื้อไวรัสซิกาภายในประเทศไทยนั้นมิใช่เรื่องใหม่เพราะไวรัสดังกล่าวได้พบเจอมานานแล้ว แต่เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้พบกลุ่มอาการเด็กหัวเล็กซึ่งถือเป็นกลุ่มอาการใหม่ที่เพิ่งเจอ โดยพบว่าเด็กศีรษะเล็กจำนวน 2 รายมีสาเหตุมาจากไวรัสซิกา นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยและของเอเชียที่พบว่าหญิงตั้งครรภ์ซึ่งติดเชื้อไวรัสซิกามีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ จากการเฝ้าระวังและตรวจเชื้อพบว่ามีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อจำนวน 39 ราย มี 16 รายแสดงอาการ ที่เหลืออีก 23 รายไม่แสดงอาการ และพบว่ามี 9 รายคลอดทารกออกมาเป็นปกติดี ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาแนวทางปฏิบัติสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ในการวินิจฉัยหญิงตั้งครรภ์ โดยต้องดำเนินการอย่างรัดกุมเพื่อทำการวินิจฉัยโรคดังกล่าวโดยแบ่งหญิงตั้งครรภ์ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีอาการจากการติดเชื้อไวรัสซิกา และกลุ่มที่ไม่มีอาการ
กรณีการยุติการตั้งครรภ์จะทำได้หรือไม่นั้น ต้องดูเป็นรายๆไป เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความผิดปกติ จึงต้องทำการพิสูจน์ด้วยการอัลตราซาวด์ดูว่าหัวเด็กมีความผิดปกติหรือไม่ และโดยปกติแล้วถึงแม้จะติดเชื้อก็ไม่ได้ทำให้พบความผิดปกติได้เลย จึงต้องการอัลตราซาวด์เป็นระยะๆคล้ายกรณีของดาวน์ซินโดรม ซึ่งอาการที่จะส่งผลต่อเด็กทารกให้พิการทางสมองได้มักจะพบว่าเด็กมีหัวเล็กกว่าปกติซึ่งจะมีผลต่อการพัฒนา และ/หรือ อาจจะมีหินปูนไปจับสมอง เมื่อพบความผิดปกติจึงสามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ แต่ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ของกฎหมายและสภาพการณ์โดยการปรึกษาของแพทย์และครอบครัวของหญิงตั้งครรภ์ด้วย
การยุติการตั้งครรภ์โดยทั่วไปแล้วนั้น สามารถทำได้ในอายุครรภ์ 24 สัปดาห์เป็นเกณฑ์ ไม่เพียงแต่การติดเชื้อซิกาเท่านั้น โดยการยุติการตั้งครรภ์นั้นจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขต่างๆอันจำเป็น ซึ่งทางกฎหมายได้กำนหดให้ในเรื่องของสุขภาพกายหรือสุขภาพจิตของแม่ ความพิการของทารก โรคทางพันธุกรรมอันส่งผลต่อจิตใจของแม่ หรือการตั้งครรภ์จากการกระทำความผิดอาญา ทั้งนี้การยุติการตั้งครรภ์จะต้องได้รับความยินยอมจากทั้งผู้ตั้งครรภ์และครอบครัว ตลอดจนกระทำภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดในสถานที่ประกอบการพยาบาล
อนึ่ง หากยุติการตั้งครรภ์ตอนอายุครรภ์มากๆจะไม่สามารถทำได้ นอกจากจะเป็นอันตรายต่อแม่แล้ว ยังส่งผลเสมือนการทำคลอดทารกในครรภ์นั้นด้วย หรือหากกระทำภายหลัง 24 สัปดาห์นั้นถือเป็นความผิดทางอาญาอันเกี่ยวกับการทำแท้งไม่ว่าจะกระทำด้วยความยินยอมหรือไม่ก็ตาม หากต้องการศึกษาเกี่ยวกับการทำแท้งเพิ่มเติมสามารถรับชมจากวิดีโอด้านล่างนี้
