การประกาศห้ามเดินทางออกนอกประเทศจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ทารกแรกเกิดจำนวนมากถูกทอดทิ้งในประเทศไทยโดยหญิงที่รับจ้างอุ้มบุญอย่างผิดกฎหมายตามที่ดร. อาคม ประดิษฐ์สุวรรณ จากกระทรวงสาธารณะสุข
ดร. อาคม กล่าวว่าตำรวจและหน่วยงานอื่น ๆ พยายามติดตามตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องในธุรกิจตัวแทนที่ผิดกฎหมายอุ้มบุญในปี 2558
จากคำกล่าวของดร. อาคมขณะนี้เด็กทารกได้รับการดูแลจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ก่อนที่ประเทศไทยจะมีการประกาศห้ามอุ้มบุญในปี 2558 ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตามมีคดีดังจำนวนมากที่ทำให้ปัญหาการอุ้มบุญกลายเป็นปัญหาของสมาชิกสภานิติบัญญัติของประเทศไทย ในกรณีหนึ่งคู่เกย์คู่หนึ่งทะเลาะวิวาทกับแม่ที่อุ้มบุญ ซึ่งพยายามจะเก็บลูกที่เกิดจากการอุ้มบุญไว้แทนที่จะส่งลูกคืนให้พ่อที่เป็นเกย์ แต่ในที่สุดคู่เกย์ก็ชนะ
ในอีกกรณีหนึ่งที่โด่งดังมากของชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่เป็นบิดาโดยการอุ้มบุญทารกที่ตั้งครรภ์แทน 11 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพจิตของบิดาผู้ให้กำเนิดชาวญี่ปุ่น เนื่องจากลักษณะการเจริญพันธุ์ของเขาไม่ปกติ และยังมีหน่วยงานตัวแทนของจีนอีกหลายแห่งใช้โครงสร้างทางกฎหมายที่หละหลวมของไทยเป็นเครื่องมือสำหรับชาวจีนในการหลบเลี่ยงนโยบายลูกคนเดียวของประเทศของเขา
กฎหมายอุ้มบุญได้ประกาศใช้ในปี 2558 อันเป็นผลมาจากการยุติธุรกิจการอุ้มบุญตามกฎหมาย ปัจจุบันการอุ้มบุญโดยชอบด้วยกฎหมายได้รับอนุญาตเฉพาะคู่สมรสต่างเพศที่แต่งงานแล้ว โดยที่คู่สมรสอย่างน้อยหนึ่งคนเป็นคนสัญชาติไทย ข้อดีของการอุ้มบุญโดยชอบด้วยกฎหมาย คือผู้ปกครองจะได้รับการยอมรับโดยอัตโนมัติในอำนาจปกครองบุตร
เอกสารที่เกี่ยวข้อง;