รัฐบาลทหารซึ่งนำโดย มิน อ่อง หล่าย ได้ลงนามในกฎหมายที่อนุญาตให้จับกุมหรือตรวจค้นสถานที่ส่วนตัวโดยไม่ต้องมีหมายศาลตามรายงานของสำนักงานผู้บัญชาการทหารสูงสุด นอกจากนี้ยังสามารถสกัดกั้นการสื่อสารและรับข้อมูลส่วนบุคคลจาก บริษัท โทรศัพท์หรือเปิดจดหมายและพัสดุส่วนตัว
การแก้ไขจะยังคงมีผลเฉพาะในรัชสมัยของสภาบริหารแห่งรัฐซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อปกครองพม่าหลังจากการยึดอำนาจทางทหารเมื่อต้นเดือนนี้
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์กองทัพซึ่งรู้จักกันในนามกลุ่มทหารพม่าได้ควบคุมตัวอองซาน ซูจี และผู้นำทางการเมืองคนอื่น ๆ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี และทำให้พรรคของเธอได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนอย่างถล่มทลาย ซูจีเรียกร้องให้ประชาชน 55 ล้านคนต่อต้านการเคลื่อนไหวของกองทัพโดยเรียกว่า “ความพยายามที่จะนำชาติกลับมาอยู่ภายใต้เผด็จการทหาร”
ผู้หลายพันคนอยู่บนท้องถนนติดต่อกันเป็นวันที่เก้าเพื่อประท้วงการรัฐประหารแม้จะเสี่ยงต่อความรุนแรงจากกองกำลังความมั่นคง รัฐบาลทหารได้เพิ่มการปราบปรามข้าราชการทนายความและผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ
เมื่อช่วงสายของวันเสาร์ที่ผ่านมารัฐบาลออกหมายจับนักเคลื่อนไหว 7 คนซึ่งรวมถึงมินโค นาอิง ผู้นำที่ลุกฮือในปี 2531 และสมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของซูจี นักเคลื่อนไหวกล่าวว่าการแก้ไขในวันเสาร์เป็นสัญญาณของการปราบปรามที่รุนแรงขึ้น
“สิทธิของใครก็ตามสามารถถูกละเมิดได้ตลอดเวลา” Maung Saung Kha ผู้อำนวยการบริหารของ Athan ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกในย่างกุ้งกล่าว “ทุกคนสามารถถูกจับกุมได้ทุกเมื่อ ณ จุดนี้ไม่มีใครรู้สึกปลอดภัย”
ในประเทศไทยมีกฎหมายการชุมนุมสาธารณะและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามสิทธิพื้นฐานของรัฐธรรมนูญการใดที่มิได้ห้ามหรือจำกัดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือในกฎหมายอื่น บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะมีทนายความอาญาและได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ตราบเท่าที่การใช้สิทธิหรือเสรีภาพเช่นว่านั้นไม่กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น
Phoyo by Travelling Slonik
