Cradit photo by Nenad Stojkovic
ภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ตามธรรมชาติมีประสิทธิภาพมากกว่าการฉีดวัคซีน จากการศึกษาของสหรัฐฯ แม้จะขัดแย้งกับคำแนะนำก่อนหน้านี้จากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข แต่การศึกษายังคงยืนยันว่าการฉีดวัคซีนเป็น “กลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุด” ในการต่อต้านโคโรนาไวรัส
การศึกษาที่ตีพิมพ์เมื่อวันพุธโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่าเนื่องจากตัวแปรเดลต้ากลายเป็นสายพันธุ์ coronavirus ที่โดดเด่นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ผู้ที่ได้รับวัคซีนมีโอกาสติดเชื้อไวรัสโควิด-19 น้อยกว่าคนที่ไม่เคยได้รับวัคซีนถึง 6 เท่า
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ก่อนหน้าแต่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน มีโอกาสติดไวรัสน้อยกว่า 15 ถึง 29 เท่า
อัตราการรักษาในโรงพยาบาลมีความแตกต่างที่คล้ายคลึงกัน โดยภูมิคุ้มกันก่อนหน้านี้ให้การป้องกันการรักษาในโรงพยาบาลได้ดีกว่าการฉีดวัคซีน
ทนายความคดีแรงงานและการจ้างงานของ สำนักงานทนายความชนินาฎ แอนด์ ลีดส์ มีประสบการณ์หลายสิบปีในด้านคดีทั้งไทยและนานาชาติที่ประสบความสำเร็จ
แม้จะมีข้อเสียเมื่อเทียบกับภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ CDC เน้นว่า “การฉีดวัคซีนยังคงเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุด” ในการป้องกันการติดเชื้อ Covid-19 นี่เป็นเพราะว่า “การมี Covid ครั้งแรกมีความเสี่ยงอย่างมาก” ดร. Eli Rosenberg ผู้เขียนร่วมการศึกษากล่าวกับ CNN ในทำนองเดียวกัน ดร.เอริกา แพน นักวิทยาโรคระบาดแห่งรัฐของกระทรวงสาธารณสุขแคลิฟอร์เนีย แนะนำให้แม้แต่ผู้ที่ติดเชื้อก่อนหน้านี้ก็ควรฉีดวัคซีนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาได้รับ “การป้องกันเพิ่มเติม” อีกชั้นหนึ่ง
ข้อสรุปของการศึกษาขัดแย้งกับการอ้างสิทธิ์ก่อนหน้านี้จากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของสหรัฐฯ ในช่วงเริ่มต้นของการระบาดของเดลต้าเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ดร.แอนโธนี เฟาซี หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของทำเนียบขาว ยืนยันว่าวัคซีน “ดีกว่าการตอบสนองแบบเดิมๆ ที่คุณได้รับจากการติดเชื้อตามธรรมชาติ” ดร.แอนโธนี เฟาซี ยังถูกกล่าวหาโดยฝ่ายนิติบัญญัติของพรรครีพับลิกันว่าละเลยการศึกษาวิจัยที่ชี้ให้เห็นประโยชน์ของภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ “เพราะมันขัดขวางแผนการของเขาที่เป็นไปได้จะให้ทุกคนฉีดวัคซีน”
