หากปรากฏว่า ขณะที่มีคดีจัดการมรดก มีพินัยกรรม หลายฉบับ ทำขึ้นหลายแบบ หากพินัยกรรมฉบับก่อนกับฉบับหลังขัดกัน ให้ถือว่าพินัยกรรมฉบับก่อนเป็นอันเพิกถอน แต่หากขัดกันแค่ส่วนใด ส่วนหนึ่ง ก็ต้องนำเอกสารไปปรึกษากับทนายความพินัยกรรมอีกที หรือหากฉบับก่อนและฉบับหลัง เป็นเพียงส่วนเพิ่มเติมทรัพย์สินที่ไม่เหมือนกัน ก็มีผลใช้ได้ทั้งหมด
แต่หากมีทายาทที่สงสัยว่าพินัยกรรม ฉบับใด ไม่ใช่ลายมือชื่อองเจ้ามรดกจริง เราก็สามารถมีวิธีพิสูจน์ได้หลายวิธี อย่างวิธีที่เป็นแนวปฏิบัติจากประสบการณ์ของเรา เช่น
1. หากช่วงเวลาที่ทำพินัยกรรมนั้นเจ้ามรดกเจ็บป่วย เราสามารถขอรายงานทางการแพทย์เพื่อยืนยันว่า ขณะนั้นเจ้ามรดกมีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ และมีความสามารถที่จะเข้าใจในเนื้อหาของพินัยกรรมที่แสดงเจตนานั้นได้หรือไม่
2. หากพินัยกรรมมีหลายฉบับ และแต่ละฉบับ ลายมือชื่อต่างกัน ลายมือชื่อของคนเราในแต่ละช่วงเวลาของชีวิตสามารถแตกต่างกันได้ แต่สามรรถใช้พยานผู้เชียวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อเทียบเคียงกะบเอกสารที่น่าเชื่อถืออื่นๆที่ได้ทำขึ้นในแต่ละช่วงเวลานั้นได้เช่นกัน
3. หากต้องตรวจสอบพินัยกรรมฝ่ายเมือง โดยหลักแล้วพินัยกรรมฝ่ายเมือง คือเอกสารมหาชนที่ทำขึ้นโดยราชการ การพิสูจน์หักล้างจะทำได้ยาก เพราะถือว่าเป็นเอกสารที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือในทางพิจารณาคดี แต่หากเคยเห็นพินัยกรรมฝ่ายเมืองจะเห็นว่า เป็นฟอร์มที่มีข้อความมาตรฐาน และทรัพย์สินที่จะระบุลงไปจะต้องมีหลักฐานเอกสารสิทธิ์เท่านั้น เพราะฉะนั้นมีความเป็นไปได้ที่ พินัยกรรมฝ่ายเมืองจะไม่สามารถครอบคลุมทรัพย์ทั้งหมด นายทะเบียนอาจแนะนำเจ้ามรดกไปปรึกษาทนายความเพื่อให้เจ้ามรดกไปทำพินัยกรรมตามแบบอื่นๆ เพิ่มเติมจากที่เคยระบุไว้ได้ด้วยเช่นกันค่ะ
อย่างไรก็ดีหากพินัยกรรมมีข้อพิรุธหลายอย่าง ทายาทผู้รับมรดกมีผลประโยชน์ขัดกัน หรือยังมีรายการทรัพย์สินที่เป็นข้อพิพาทกัน ผู้รับพินัยกรรมเคยมีประวัติปลอมแปลงเอกสาร หรือเหตุที่เชื่อว่าไม่ใช่พฤติการณ์ปกติ หรือน่าสงสัย ควรปรึกษาทนายความคดีจัดการมรดกเพื่อหาแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ที่เหมาะสมต่อไป