รางพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่..) พ.ศ. ….
รางพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่..)
พ.ศ. ….
_________________
……………………………………………………. ……………………………………………………. ……………………………………………………. ………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………..
โดยที่เปนการสมควรแกไขเพิ่มเติมกฎหมายวาดวยสิทธิบัตรเพื่อคุมครองการประดิษฐและ การออกแบบผลิตภัณฑ
พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่ง มาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 37 และมาตรา 4๐ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทยบัญญัติใหกระทํา ไดโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย
พระราชบัญญัตินี้มีสาระสําคัญเปนการปรับปรุงกระบวนการขอรับสิทธิบัตรใหมีประสิทธิภาพ กระชับ และมีความเปนสากล สอดคลองกับความตกลงระหวางประเทศเกี่ยวกับสิทธิบัตรที่ประเทศไทยเปน ภาคีอยู รวมทั้งปองกันการลักลอบนําทรัพยากรพันธุกรรมและภูมิปญญาทองถิ่นมาขอรับสิทธิบัตรโดยไม เปดเผยแหลงที่มา จึงมีความจําเปนที่จะตองกําหนดมาตรการจํากัดสิทธิของผูทรงสิทธิบัตรในบางกรณี โดยมี การจํากัดสิทธิเสรีภาพและสิทธิในทรัพยสินเพียงเทาที่จําเปนเพื่อประโยชนสาธารณะ
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกวา “พระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ใหใชบังคับเมื่อพนกําหนด……….วันนับแตวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเปนตนไป
มาตรา ๓ ใหเพิ่มบทนิยามคําวา “ทรัพยากรพันธุกรรม” “สารพันธุกรรม” “อนุพันธ” “ภูมิปญญาทองถิ่น” ระหวางบทนิยามคําวา “แบบผลิตภัณฑ” และคําวา “ผูทรงสิทธิบัตร” ในมาตรา ๓ แหง พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังตอไปนี้
““ทรัพยากรพันธุกรรม” หมายถึง สารพันธุกรรมหรืออนุพันธซึ่งมีคุณคาตามความเปนจริง และตามศักยภาพ
“สารพันธุกรรม” หมายถึง สารใดๆ ของพืช สัตว จุลินทรีย หรือแหลงกําเนิดอื่นๆ ซึ่งบรรจุ หนวยที่มีบทบาทหนาที่ในการสืบทอดพันธุกรรม
“อนุพันธ” หมายถึง สารชีวเคมีที่ปรากฏขึ้นตามธรรมชาติ อันเปนผลมาจากการแสดงออก ของพันธุกรรม หรือ กระบวนการเมตาบอลิซึมของทรัพยากรชีวภาพหรือทรัพยากรพันธุกรรม แมวาจะไมบรรจุ หนวยที่มีบทบาทหนาที่ในการสืบทอดพันธุกรรม
“ภูมิปญญาทองถิ่น” หมายถึง ความรูการแสดงออก การประพฤติปฏิบัติหรือทักษะ ทาง วัฒนธรรมที่แสดงออกผานบุคคล เครื่องมือ หรือวัตถุ ซึ่งบุคคล กลุมบุคคล หรือชุมชนยอมรับและรูสึกเปน เจาของรวมกัน และมีการสืบทอดกันมาจากคนรุนหนึ่งไปยังคนอีกรุนหนึ่งโดยอาจมีการปรับเปลี่ยนเพื่อ ตอบสนองตอสภาพแวดลอมของตน”
มาตรา 4 ใหยกเลิกความใน (1) ของวรรคสองของมาตรา 6 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ๒๕35 และใหใชความตอไปนี้ แทน
“(๑) การประดิษฐที่มีหรือใชแพรหลายอยูแลวไมวาในหรือนอกราชอาณาจักรกอนวันขอรับ สิทธิบัตร”
มาตรา 5 ใหยกเลิกความใน (3) ของวรรคสองของมาตรา 6 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา 6 ใหยกเลิกความใน (4) และ (5) ของวรรคสองของมาตรา 6 แหงพระราชบัญญัติ สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ และใหใชความ ตอไปนี้แทน
“(๔) การประดิษฐที่มีผูขอรับสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรไวแลวนอกราชอาณาจักรเปนเวลา เกินสิบแปดเดือนกอนวันขอรับสิทธิบัตร
(๕) การประดิษฐที่ไดยื่นขอรับสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรไวกอนแลวในราชอาณาจักร แมวา ตอมาคําขอนั้นจะไดประกาศโฆษณาในวันหรือภายหลังวันที่มีการยื่นขอรับสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรนั้นอีกใน ภายหลัง”
มาตรา 7 ใหยกเลิกความในวรรคสามของมาตรา 6 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ๒๕35 และใหใชความตอไปนี้แทน
“ในกรณีที่มีการขอถือสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรกตามมาตรา 19 ทวิ ใหถือวาวันยื่นคําขอครั้ง แรกเปนวันยื่นคําขอรับสิทธิบัตรในราชอาณาจักร เพื่อประโยชนในการพิจารณางานที่ปรากฏอยูแลวตาม มาตรานี้”
มาตรา 8 ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนมาตรา 6/1 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 “มาตรา ๖/๑ การเปดเผยสาระสําคัญหรือรายละเอียดภายในสิบสองเดือนกอนที่จะมีการ ขอรับสิทธิบัตรดังตอไปนี้ มิใหถือวาเปนการเปดเผยสาระสําคัญหรือรายละเอียดตามมาตรา ๖ วรรคสอง
(๑) การเปดเผยสาระสําคัญหรือรายละเอียดที่เกิดขึ้นหรือเปนผลมาจากการกระทําอันมิชอบ ดวยกฎหมาย
(๒) การเปดเผยสาระสําคัญหรือรายละเอียดโดยผูประดิษฐ
(๓) การแสดงผลงานของผูประดิษฐในงานแสดงตอสาธารณชนระหวางประเทศที่จัดขึ้นใน ราชอาณาจักรหรือประเทศที่เปนภาคีแหงอนุสัญญาหรือความตกลงระหวางประเทศเกี่ยวกับการคุมครอง สิทธิบัตรซึ่งประเทศไทยเปนภาคีอยูดวย โดยหนวยงานของรัฐบาลไทยหรือรัฐบาลของประเทศที่เปนภาคี ดังกลาวจัดขึ้น หรือรับรองการจัดงานนั้น
การเปดเผยสาระสําคัญหรือรายละเอียดโดยผูประดิษฐตาม (๒) หรืองานแสดงตอสาธารณชน ระหวางประเทศตาม (๓) ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดโดยกฎกระทรวง”
มาตรา 9 ใหยกเลิกความในวรรคหนึ่ง และ (4) ของวรรคหนึ่งของมาตรา 9 แหง พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ๒๕35 และใหใชความตอไปนี้แทน “มาตรา ๙ สิ่งตอไปนี้ไมไดรับความคุมครองตามพระราชบัญญัติ
…
(๔) วิธีการวินิจฉัย บําบัด ศัลยกรรมหรือรักษาโรคของมนุษย หรือสัตว”
มาตรา 10 ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนมาตรา 17/1 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
“มาตรา 17/1 ในกรณีที่การประดิษฐตามคําขอรับสิทธิบัตรมีการใชทรัพยากรพันธุกรรม หรือภูมิปญญาทองถิ่น ใหผูขอรับสิทธิบัตรระบุแหลงที่มาและยื่นเอกสารที่เกี่ยวของกับการขออนุญาตกอนการ เขาถึงและขอตกลงแบงปนผลประโยชน มาพรอมกับคําขอรับสิทธิบัตร
การระบุแหลงที่มาและการยื่นเอกสารตามวรรคหนึ่ง ใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการที่ อธิบดีประกาศกําหนด”
มาตรา 11 ใหยกเลิกความในมาตรา 19 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่ง แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535
มาตรา 12 ใหยกเลิกความในมาตรา 19 ทวิ แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่ง แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา ๑๙ ทวิ ผูยื่นคําขอรับสิทธิบัตร อาจขอถือสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรกได ตามเงื่อนไข ดังตอไปนี้
(1) ในกรณีที่ผูขอรับสิทธิบัตรไดยื่นคําขอรับสิทธิบัตรสําหรับการประดิษฐไวนอก ราชอาณาจักรแลว หากตอมาไดยื่นขอรับสิทธิบัตรสําหรับการประดิษฐอยางเดียวกันนั้นในราชอาณาจักร ภายในสิบสองเดือน นับแตวันที่ไดยื่นคําขอรับสิทธิบัตรนอกราชอาณาจักร ผูขอรับสิทธิบัตรอาจขอถือสิทธิวัน ยื่นคําขอครั้งแรกในวันยื่นคําขอรับสิทธิบัตรนอกราชอาณาจักรได
(2) ในกรณีคําขอระหวางประเทศที่แจงความประสงคจะขอรับความคุมครองใน ราชอาณาจักรมีการระบุวันยื่นคําขอครั้งแรกตามมาตรา 55/8 วรรคหนึ่ง หรือผูขอรับสิทธิบัตรไดรับอนุญาต ใหฟนสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรกตามมาตรา 55/8 วรรคสามแลว ผูขอรับสิทธิบัตรอาจขอถือสิทธิวันยื่นคําขอ ครั้งแรกในวันยื่นคําขอครั้งแรกที่ระบุในคําขอระหวางประเทศได
(3) ในกรณีที่ไดยื่นคําขอรับสิทธิบัตรนอกราชอาณาจักรไวมากกวาหนึ่งคําขอ หากตอมาผูขอ ไดยื่นขอรับสิทธิบัตรสําหรับการประดิษฐนั้นในราชอาณาจักรภายในสิบสองเดือน นับแตวันยื่นคําขอนอก ราชอาณาจักรครั้งแรกสุด ผูขอรับสิทธิบัตรอาจขอถือสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรกในวันยื่นคําขอรับสิทธิบัตรครั้ง แรกสุดนอกราชอาณาจักรได
(4) ในกรณีที่ไดยื่นคําขอรับสิทธิบัตรสําหรับการประดิษฐอยางเดียวกันนอกราชอาณาจักร แตคําขอนั้นถูกปฏิเสธ ถอนคืน หรือละทิ้งโดยปรากฏวาคําขอนั้นยังไมเคยประกาศโฆษณาหรือเปดเผยให สาธารณชนเขาถึงขอมูล และไมอาจดําเนินการใดตามกฎหมายในประเทศนั้นไดอีก และไมเคยใชอางในการขอ ถือสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรกในประเทศใดมากอน หากผูขอไดยื่นขอรับความคุมครองการประดิษฐอยาง เดียวกันซ้ําในประเทศเดิมอีก และตอมาไดยื่นคําขอรับสิทธิบัตรสําหรับการประดิษฐนั้นในราชอาณาจักร ภายในสิบสองเดือน นับแตวันที่ไดยื่นคําขอรับความคุมครองการประดิษฐครั้งหลัง ผูขอรับสิทธิบัตรอาจขอถือ สิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรกในวันยื่นคําขอรับสิทธิบัตรนอกราชอาณาจักรครั้งหลังได”
มาตรา 13 ใหยกเลิกความในมาตรา 26 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 และให ใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา 2๖ ในการตรวจสอบคําขอรับสิทธิบัตร ถาพนักงานเจาหนาที่เห็นวาคําขอรับ สิทธิบัตรใดมีการประดิษฐหลายอยางที่ไมมีความเกี่ยวพันกันจนอาจถือไดวาเปนการประดิษฐอยางเดียวกัน ใหแจงใหผูขอรับสิทธิบัตรแยกคําขอสําหรับการประดิษฐแตละอยางภายในเกาสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจงจาก พนักงานเจาหนาที่
ถาผูขอรับสิทธิบัตรไดยื่นคําขอสําหรับการประดิษฐอยางหนึ่งอยางใดที่ไดแยกภายใน กําหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ใหถือวาไดยื่นคําขอนั้นในวันยื่นคําขอรับสิทธิบัตรในราชอาณาจักรครั้งแรก
ในกรณีที่ผูขอรับสิทธิบัตรไมแยกคําขอ แตไดแกไขคําขอรับสิทธิบัตรใหเหลือแตการประดิษฐ อยางเดียวกันภายในกําหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการตรวจสอบคําขอรับสิทธิบัตร ตามพระราชบัญญัตินี้ตอไป
การแยกคําขอใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดโดยกฎกระทรวง
ในกรณีที่ผูขอรับสิทธิบัตรไมเห็นดวยกับคําสั่งของพนักงานเจาหนาที่ ผูขอรับสิทธิบัตรจะตอง ยื่นอุทธรณคําสั่งตออธิบดีภายในระยะเวลาหกสิบวันนับแตวันที่ผูขอรับสิทธิบัตรไดรับแจงคําสั่ง
ถาผูขอรับสิทธิบัตรไมดําเนินการแยกคําขอภายในกําหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ไมแกไขคําขอ ตามวรรคสาม หรือไมอุทธรณคําสั่งของอธิบดีภายในกําหนดเวลาตามวรรคหา ใหถือวาละทิ้งคําขอรับ สิทธิบัตร”
มาตรา 14 ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนมาตรา 26/1 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
“มาตรา 26/1 ในกรณีที่ผูขอรับสิทธิบัตรมีความประสงคจะแยกการประดิษฐแตละอยางที่ ไดยื่นไวในคําขอรับสิทธิบัตรฉบับเดียวกัน ใหยื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่เพื่อแยกการประดิษฐดังกลาวกอน การประกาศโฆษณาตามมาตรา ๓๒/๑
ในกรณีที่พนักงานเจาหนาที่พิจารณาแลวเห็นวา การแยกคําขอนั้นไมเปนการแกไขเพิ่มเติม สาระสําคัญของการประดิษฐใหแตกตางไปจากที่ระบุไวในคําขอเดิม ใหพนักงานเจาหนาที่อนุญาต และแจงผู ขอรับสิทธิบัตรทราบถึงคําสั่งดังกลาว
ถาผูขอรับสิทธิบัตรไดยื่นคําขอรับสิทธิบัตรสําหรับการประดิษฐอยางหนึ่งอยางใดที่ไดแยก ตามวรรคหนึ่งภายในเกาสิบวันนับแตวันไดรับแจงคําสั่ง ใหถือวาไดยื่นคําขอนั้นในวันยื่นคําขอรับสิทธิบัตรใน ราชอาณาจักรครั้งแรก
การแยกคําขอใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดโดยกฎกระทรวง
ในกรณีพนักงานเจาหนาที่ไมอนุญาตใหแยกการประดิษฐ ผูขอรับสิทธิบัตรจะตองยื่นอุทธรณ คําสั่งตออธิบดีภายในระยะเวลาหกสิบวันนับแตวันที่ผูขอรับสิทธิบัตรไดรับแจงคําสั่ง
ถาผูขอรับสิทธิบัตรไมดําเนินการแยกคําขอภายในกําหนดเวลาตามวรรคสาม หรือไมอุทธรณ คําสั่งของพนักงานเจาหนาที่ภายในระยะเวลาตามวรรคหา ใหถือวาผูขอรับสิทธิบัตรละทิ้งคําขอแยกการ ประดิษฐ และใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการตรวจสอบคําขอรับสิทธิบัตรตอไป ทั้งนี้ การขอแยกการประดิษฐ ตามมาตรานี้ใหกระทําไดเพียงครั้งเดียว”
มาตรา 15 ใหยกเลิกความในมาตรา 27 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 และให ใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา 27 ในการตรวจสอบคําขอรับสิทธิบัตร พนักงานเจาหนาที่จะเรียกผูขอรับสิทธิบัตร มาใหถอยคําชี้แจง สงเอกสารหรือสิ่งใดเพิ่มเติม หรือแจงใหผูขอรับสิทธิบัตรแกไขเพิ่มเติมคําขอรับสิทธิบัตรก็ ได
ในกรณีที่ผูขอรับสิทธิบัตรไดยื่นคําขอรับสิทธิบัตรไวแลวนอกราชอาณาจักร ใหผูขอรับ สิทธิบัตรสงผลการตรวจสอบการประดิษฐหรือรายละเอียดการประดิษฐที่ขอรับสิทธิบัตรนั้นตามหลักเกณฑ และวิธีการที่กําหนดโดยกฎกระทรวง
ในกรณีที่จะตองสงเอกสารเปนภาษาตางประเทศ ใหผูขอรับสิทธิบัตรสงเอกสารพรอมดวยคํา แปลเปนภาษาไทย
ถาผูขอรับสิทธิบัตรไมปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจาหนาที่ตามวรรคหนึ่ง หรือไมสง เอกสารตามวรรคสองภายในกําหนดเวลาเกาสิบวันนับแตวันไดรับแจงคําสั่ง ใหถือวาละทิ้งคําขอรับสิทธิบัตร
กอนครบกําหนดเวลาตามวรรคสี่ ผูขอรับสิทธิบัตรอาจขอขยายกําหนดเวลาไดอีกเกาสิบวัน โดยชําระคาธรรมเนียมการขอขยายระยะเวลาเพิ่มเติม หากผูขอรับสิทธิบัตรไมดําเนินการใดภายในกําหนด ระยะเวลาที่ไดรับการขยายเพิ่มเติม ใหถือวาละทิ้งคําขอรับสิทธิบัตร”
มาตรา 16 ใหยกเลิกความในมาตรา 28 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่ง แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา 28 เมื่อพนักงานเจาหนาที่เสนอรายงานการตรวจสอบคําขอรับสิทธิบัตรเบื้องตนตอ อธิบดีแลว ใหอธิบดีมีคําสั่งใหประกาศโฆษณาคําขอรับสิทธิบัตรนั้น หากพิจารณาเห็นวา
(๑) สิ่งที่ยื่นขอรับสิทธิบัตรนั้นเปนการประดิษฐตามมาตรา 3
(๒) มีเอกสารและรายการครบถวนตามที่กําหนดไวในมาตรา 17
(๓) มีรายละเอียดการประดิษฐและขอถือสิทธิที่ชัดเจนเพียงพอที่จะทําใหผูมีความชํานาญใน ระดับสามัญในศิลปะหรือวิทยาการที่เกี่ยวของสามารถทําและปฏิบัติตามการประดิษฐนั้น
(๔) ระบุวิธีการในการประดิษฐที่ดีที่สุดที่ผูประดิษฐจะพึงทราบไดและ
(5) เปดเผยแหลงที่มาของทรัพยากรพันธุกรรมและภูมิปญญาทองถิ่น พรอมทั้งยื่นเอกสารที่ เกี่ยวของกับการขออนุญาตกอนการเขาถึงและขอตกลงแบงปนผลประโยชน
ในกรณีที่อธิบดีพิจารณาเห็นวาคําขอรับสิทธิบัตรไมเปนไปตาม (๑) (๒) (๓) (4) หรือ (5) ให อธิบดีสั่งยกคําขอรับสิทธิบัตรนั้น
การประกาศโฆษณาคําขอรับสิทธิบัตร การแจงคําสั่งของอธิบดีตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดโดยกฎกระทรวง”
มาตรา 17 ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนมาตรา 28/1 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
“มาตรา ๒๘/๑ การประกาศโฆษณาคําขอรับสิทธิบัตรตามมาตรา ๒๘ ใหดําเนินการภายใน สิบแปดเดือนนับแตวันยื่นคําขอในราชอาณาจักรหรือวันยื่นคําขอครั้งแรกตามมาตรา 19 ทวิเวนแตในกรณีที่ มีเหตุจําเปน ทั้งนี้ ระยะเวลาดังกลาวไมนับรวมระยะเวลาที่ผูขอรับสิทธิบัตรอยูระหวางดําเนินการแกไขคํา ขอรับสิทธิบัตรตามคําสั่งของพนักงานเจาหนาที่”
มาตรา 18 ใหยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 29 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา 29 เมื่อไดประกาศโฆษณาตามมาตรา 28 แลว ผูขอรับสิทธิบัตรตองยื่นคําขอให พนักงานเจาหนาที่ตรวจสอบการประดิษฐวาเปนการประดิษฐตามมาตรา 5 ภายในสามปนับแตวันยื่นคําขอรับ สิทธิบัตรในราชอาณาจักร ถาผูขอรับสิทธิบัตรไมยื่นคําขอภายในเวลาที่กําหนดไว ใหถือวาละทิ้งคําขอรับ สิทธิบัตร”
มาตรา 19 ใหยกเลิกความในมาตรา 30 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
มาตรา 20 ใหยกเลิกความในมาตรา 31 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่ง แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา 31 เมื่อไดประกาศโฆษณาตามมาตรา 28 แลว บุคคลใดเห็นวาสิ่งที่ขอรับสิทธิบัตร ไมเปนการประดิษฐตามมาตรา 3 หรือคําขอรับสิทธิบัตรใดไมชอบดวยมาตรา 5 มาตรา 9 มาตรา 16 มาตรา 17 หรือมาตรา 18 อาจยื่นเอกสารหลักฐานตอพนักงานเจาหนาที่เพื่อใชประกอบการพิจารณา ตรวจสอบการประดิษฐกอนประกาศโฆษณาตามมาตรา 32/1 ก็ได ทั้งนี้ ตามระเบียบที่อธิบดีกําหนด”
มาตรา 21 ใหยกเลิกความในมาตรา 32 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
มาตรา 22 ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนมาตรา 32/1 มาตรา 32/2 มาตรา 32/3 และมาตรา 32/4 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
“มาตรา 32/๑ เมื่อผูขอรับสิทธิบัตรยื่นคําขอใหพนักงานเจาหนาที่ตรวจสอบการประดิษฐ ตามมาตรา 29 และพนักงานเจาหนาที่ไดทําการตรวจสอบแลว ใหพนักงานเจาหนาที่ทํารายงานการ ตรวจสอบเสนออธิบดี
(๑) ถาอธิบดีพิจารณาเห็นวาสิ่งที่ขอรับสิทธิบัตรเปนการประดิษฐตามมาตรา 3 หรือคําขอรับ สิทธิบัตรชอบดวย มาตรา 5 มาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 14 มาตรา ๑๖ มาตรา 17 หรือ มาตรา 18 ใหอธิบดีมีคําสั่งใหประกาศโฆษณาวาจะรับจดทะเบียนการประดิษฐ พรอมทั้งคําขอรับสิทธิบัตรนั้น
(๒) ถาอธิบดีพิจาณาเห็นวาสิ่งที่ขอรับสิทธิบัตรไมเปนไปตามขอใดขอหนึ่งของ (1) ใหอธิบดี สั่งยกคําขอรับสิทธิบัตรและใหพนักงานเจาหนาที่แจงคําสั่งไปยังผูขอรับสิทธิบัตร
การประกาศโฆษณาคําสั่งวาจะรับจดทะเบียนการประดิษฐ และคําสั่งยกคําขอรับสิทธิบัตรให เปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา 32/2 เมื่อไดประกาศโฆษณาตามมาตรา 32/1 แลว บุคคลใดเห็นวาตนมีสิทธิรับ สิทธิบัตรดีกวาผูขอรับสิทธิบัตร หรือเห็นวาสิ่งที่ขอรับสิทธิบัตรไมเปนการประดิษฐตามมาตรา 3 หรือคําขอรับ สิทธิบัตรไมชอบดวย มาตรา 5 มาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 14 มาตรา 16 มาตรา 17 หรือ มาตรา 18 จะยื่นคําคัดคานตอพนักงานเจาหนาที่ก็ได แตตองยื่นภายในเกาสิบวันนับแตวันประกาศโฆษณา ตามมาตรา 32/๑ (๑)
เมื่อพนักงานเจาหนาที่ไดรับคําคัดคานตามวรรคหนึ่ง ใหสงสําเนาไปยังผูขอรับสิทธิบัตร ใหผู ขอรับสิทธิบัตรยื่นคําโตแยงภายในเกาสิบวันนับแตวันที่ไดรับสําเนาคําคัดคาน ถาผูขอรับสิทธิบัตรไมยื่นคํา โตแยงภายในกําหนดเวลาดังกลาว ใหถือวาละทิ้งคําขอรับสิทธิบัตร
ในกรณีที่จะตองสงเอกสารเปนภาษาตางประเทศ ใหผูคัดคานหรือผูโตแยงสงเอกสารนั้น พรอมดวยคําแปลเปนภาษาไทยพรอมรับรองคําแปลดวย
มาตรา 32/3 เพื่อใหการดําเนินกระบวนพิจารณาคําคัดคานเปนไปโดยสะดวก รวดเร็ว และ เที่ยงธรรม ใหอธิบดีมอบหมายพนักงานเจาหนาที่ไมนอยกวาสามคนแตไมเกินหาคนเปนผูพิจารณาคําคัดคาน และคําโตแยง และจัดทํารายงานผลการพิจารณาเสนอตออธิบดี
วิธีพิจารณาและหลักเกณฑการยื่นคําคัดคานหรือคําโตแยง การนําพยานหลักฐานมาแสดง หรือแถลงเพิ่มเติมใหเปนไปตามระเบียบที่อธิบดีกําหนด
มาตรา 32/4 เมื่อครบระยะเวลาตามมาตรา 32/2 แลวแตไมมีผูยื่นคําคัดคาน หรือมีผูยื่น คําคัดคานแตอธิบดีเห็นวาไมมีเหตุขัดของในการออกสิทธิบัตร หรืออธิบดีไดวินิจฉัยวาผูขอรับสิทธิบัตรเปนผูมี สิทธิ ใหอธิบดีสั่งใหรับจดทะเบียนการประดิษฐและออกสิทธิบัตรใหแกผูขอรับสิทธิบัตร และใหพนักงาน เจาหนาที่แจงใหผูขอรับสิทธิบัตรชําระคาธรรมเนียมการออกสิทธิบัตรภายในหกสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจง หากครบระยะเวลาดังกลาวแลวแตผูขอรับสิทธิบัตรยังไมชําระคาธรรมเนียม ใหถือวาละทิ้งคําขอรับสิทธิบัตร
เมื่อผูขอรับสิทธิบัตรไดชําระคาธรรมเนียมตามวรรคหนึ่งแลว ใหจดทะเบียนการประดิษฐและ ออกสิทธิบัตรใหแกผูขอรับสิทธิบัตรภายในสิบหาวันนับแตวันที่ไดรับชําระคาธรรมเนียมแตตองไมกอนสิ้น ระยะเวลาอุทธรณตามมาตรา 72
สิทธิบัตรใหเปนไปตามแบบพิมพที่กําหนดโดยกฎกระทรวง”
มาตรา 23 ใหยกเลิกความในมาตรา 33 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
มาตรา 24 ใหยกเลิกความในมาตรา 34 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 และให ใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา 34 ในกรณีที่มีผูคัดคานตามมาตรา 32/2 และอธิบดีไดวินิจฉัยวามีเหตุขัดของใน การออกสิทธิบัตร หรือผูคัดคานเปนผูมีสิทธิรับสิทธิบัตร ใหอธิบดีสั่งยกคําขอรับสิทธิบัตร และใหพนักงาน เจาหนาที่แจงคําวินิจฉัยและคําสั่งของอธิบดีไปยังผูคัดคานและผูโตแยงพรอมดวยเหตุผล
ในกรณีที่ผูขอรับสิทธิบัตรมิไดอุทธรณคําสั่งของอธิบดี หรือไดอุทธรณคําสั่งของอธิบดี และ คณะกรรมการหรือศาลไดมีคําสั่งหรือคําพิพากษาถึงที่สุดใหผูคัดคานเปนผูมีสิทธิขอรับสิทธิบัตรแลว ถาผู คัดคานไดยื่นคําขอรับสิทธิบัตรสําหรับการประดิษฐนั้นภายในเกาสิบวันนับแตวันมีคําสั่งของอธิบดี หรือนับแต วันที่คณะกรรมการหรือศาลมีคําสั่งหรือคําพิพากษาถึงที่สุดแลวแตกรณี ใหถือวาผูคัดคานไดยื่นคําขอนั้นในวัน เดียวกันกับวันที่ผูขอรับสิทธิบัตรยื่นคําขอรับสิทธิบัตร และใหถือวากระบวนการตรวจสอบคําขอรับสิทธิบัตร ของผูถูกคัดคานตามพระราชบัญญัตินี้เปนกระบวนการตรวจสอบคําขอรับสิทธิบัตรของผูคัดคานดวย
หากผูคัดคานไมยื่นคําขอรับสิทธิบัตรภายในกําหนดเวลาตามวรรคสอง ใหถือวาผูคัดคานไม ประสงคจะขอรับสิทธิบัตรสําหรับการประดิษฐนั้น และใหพนักงานเจาหนาที่จําหนายคําขอตอไป”
มาตรา 25 ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนมาตรา 34/1 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
“มาตรา 34/1 ผูขอรับสิทธิบัตรอาจขอถอนคําขอรับสิทธิบัตรในเวลาใดก็ไดกอนอธิบดีสั่งรับ จดทะเบียนการประดิษฐและออกสิทธิบัตร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑและวิธีการที่อธิบดีประกาศกําหนด การขอถอนคําขอรับสิทธิบัตรใหถือวามีผลนับแตพนักงานเจาหนาที่ไดรับคําขอถอนคําขอรับ สิทธิบัตรนั้น”
มาตรา 26 ใหยกเลิกความในมาตรา 41 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 และให ใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา ๔๑ การโอนสิทธิบัตรตามมาตรา ๓๘ ตองทําเปนหนังสือ และจดทะเบียนตอ พนักงานเจาหนาที่ตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดโดยกฎกระทรวง”
มาตรา 27 ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนมาตรา 41/1 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
“มาตรา ๔๑/1 การอนุญาตใหใชสิทธิตามสิทธิบัตรตามมาตรา ๓๘ ตองทําเปนหนังสือ และ จดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาที่จึงจะบริบูรณ ทั้งนี้ ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนด โดยกฎกระทรวง
สัญญาอนุญาตใหใชสิทธิตามสิทธิบัตร หากยังไมจดทะเบียน หามมิใหยกเปนขอตอสู บุคคลภายนอกผูไดรับโอนหรือไดรับอนุญาตใหใชสิทธิตามสิทธิบัตรโดยเสียคาตอบแทน และไดจดทะเบียนโดย สุจริตแลว”
มาตรา 28 ใหยกเลิกความในวรรคสาม วรรคสี่ และวรรคหาของมาตรา 43 แหง พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 และใหใชความตอไปนี้แทน
“ถาผูทรงสิทธิบัตรไมชําระคาธรรมเนียมรายปภายในกําหนดเวลาตามวรรคหนึ่งหรือวรรค สอง ตองเสียคาธรรมเนียมเพิ่มรอยละสามสิบของเงินคาธรรมเนียมรายป โดยตองชําระคาธรรมเนียมรายป พรอมทั้งคาธรรมเนียมเพิ่มภายในหนึ่งรอยแปดสิบวันนับแตวันสิ้นกําหนดเวลาชําระคาธรรมเนียมรายปตาม วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง
เมื่อครบกําหนดเวลาตามวรรคสามแลวถาผูทรงสิทธิบัตรยังไมชําระคาธรรมเนียมรายปและ คาธรรมเนียมเพิ่ม ใหอธิบดีสั่งเพิกถอนสิทธิบัตรนั้น
ในกรณีที่สิทธิบัตรถูกเพิกถอนตามวรรคสี่ผูทรงสิทธิบัตรอาจรองขอตอคณะกรรมการภายใน กําหนดหนึ่งรอยแปดสิบวันนับแตวันทราบคําสั่งเพิกถอนสิทธิบัตรวามีเหตุจําเปนไมอาจชําระคาธรรมเนียมราย ปและคาธรรมเนียมเพิ่มภายในกําหนดเวลาตามวรรคสามได คณะกรรมการอาจมีคําสั่งอนุญาตใหชําระ คาธรรมเนียมรายปพรอมทั้งคาธรรมเนียมเพิ่มรอยละหาสิบของเงินคาธรรมเนียมรายปนั้นภายในกําหนดเวลา ตามที่เห็นสมควรก็ได”
มาตรา 29 ใหยกเลิกความในมาตรา 48 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่ง แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542
มาตรา 30 ใหยกเลิกความในมาตรา 49 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่ง แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2542 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา ๔๙ ในการยื่นคําขอใชสิทธิตามมาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ หรือมาตรา ๔๗ ทวิ ผูขอใช สิทธิตองเสนอคาตอบแทน เงื่อนไขในการใชสิทธิตามสิทธิบัตร และขอจํากัดสิทธิของผูทรงสิทธิบัตรและผูไดรับ อนุญาตใหใชสิทธิของผูทรงสิทธิบัตรตามมาตรา ๕๐/1 วรรคสอง พรอมกับคําขอใชสิทธิ สําหรับกรณีการขอใช สิทธิตามมาตรา ๔๗ ผูขอใชสิทธิตองยินยอมอนุญาตใหผูทรงสิทธิบัตรที่ตนขอใชสิทธิเปนผูมีสิทธิใชสิทธิตาม สิทธิบัตรของตนเปนการตอบแทนดวย
เมื่อไดรับคําขอใชสิทธิตามมาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ หรือมาตรา ๔๗ ทวิ แลว ใหอธิบดี มอบหมายพนักงานเจาหนาที่ไมนอยกวาสามคนแตไมเกินหาคนเปนผูพิจารณาการขอใชสิทธิ โดยใหแจง กําหนดวันสอบสวนคําขอไปยังผูขอใชสิทธิ ผูทรงสิทธิบัตรและผูไดรับอนุญาตใหใชสิทธิของผูทรงสิทธิบัตรตาม มาตรา ๕๐/๑ วรรคสอง ในการนี้ ใหสงสําเนาคําขอไปยังผูทรงสิทธิบัตรและผูไดรับอนุญาตใหใชสิทธิของผูทรง สิทธิบัตรตามมาตรา ๕๐/1 วรรคสองดวย
ในการสอบสวนตามวรรคสอง พนักงานเจาหนาที่จะเรียกผูขอใชสิทธิ ผูทรงสิทธิบัตร ผูไดรับ อนุญาตใหใชสิทธิของผูทรงสิทธิบัตรตามมาตรา ๕๐/1 วรรคสอง หรือบุคคลอื่นใด มาใหถอยคําชี้แจง ใหสง เอกสาร หรือสิ่งใดเพิ่มเติมก็ได และใหจัดทํารายงานเสนออธิบดีโดยเร็ววามีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตใหใช สิทธิหรือไม”
มาตรา 31 ใหยกเลิกความในมาตรา 50 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่ง แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2542 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา ๕๐ เมื่ออธิบดีไดรับรายงานจากพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา 49 แลว หากอธิบดี เห็นวาไมสมควรอนุญาตใหใชสิทธิของผูทรงสิทธิบัตร ใหอธิบดีสั่งยกคําขอใชสิทธินั้น
ในกรณีที่อธิบดีเห็นสมควรอนุญาตใหใชสิทธิของผูทรงสิทธิบัตร ใหอธิบดีมีคําสั่งใหออก ใบอนุญาตใหแกผูไดรับอนุญาตใหใชสิทธิตามสิทธิบัตรนั้น พรอมทั้งกําหนดเงื่อนไขในการใชสิทธิตามสิทธิบัตร และขอจํากัดสิทธิ
เงื่อนไขในการใชสิทธิตามสิทธิบัตรและขอจํากัดสิทธิที่อธิบดีกําหนด ตองเปนไปตาม หลักเกณฑดังตอไปนี้
(๑) ขอบเขตและระยะเวลาที่อนุญาตตองไมเกินกวาพฤติการณอันจําเปนตามวัตถุประสงคที่ ขออนุญาต
(๒) ผูทรงสิทธิบัตรมีสิทธิที่จะอนุญาตใหผูรับอนุญาตรายอื่นใชสิทธิตามสิทธิบัตรของตนดวยก็ ได
(๓) ผูรับอนุญาตไมมีสิทธิโอนใบอนุญาตใหแกบุคคลอื่น เวนแตจะโอนกิจการหรือชื่อเสียง ในทางการคา โดยเฉพาะในสวนที่เกี่ยวกับการอนุญาตใหใชสิทธินั้นดวย
(๔) การอนุญาตจะตองมุงสนองความตองการของประชาชนภายในราชอาณาจักรเปนสําคัญ
เมื่ออธิบดีไดมีคําสั่งตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองแลว ใหพนักงานเจาหนาที่แจงใหผูขอใชสิทธิ ผูทรงสิทธิบัตร และผูไดรับอนุญาตใหใชสิทธิของผูทรงสิทธิบัตรตามมาตรา ๕๐/1 วรรคสองทราบภายในสิบ หาวันนับแตวันที่อธิบดีมีคําสั่ง
คําสั่งของอธิบดีตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง คูกรณีอาจอุทธรณตอคณะกรรมการไดภายใน หกสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจงคําวินิจฉัยนั้น
การออกใบอนุญาตใหใชสิทธิตามสิทธิบัตรตามวรรคสอง ใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการ ที่กําหนดโดยกฎกระทรวง”
มาตรา 32 ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนมาตรา 50/1 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
“มาตรา 50/1 ผูทรงสิทธิบัตรมีสิทธิไดรับคาตอบแทนในการขอใชสิทธิตามมาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ และมาตรา ๔๗ ทวิ
สําหรับผูไดรับอนุญาตแตเพียงผูเดียวใหใชสิทธิของผูทรงสิทธิบัตรตามมาตรา ๓๘ มีสิทธิ ไดรับคาตอบแทนในการขอใชสิทธิตามมาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ หรือมาตรา ๔๗ ทวิ ได ในกรณีนี้ผูทรงสิทธิบัตร ไมมีสิทธิไดรับคาตอบแทน
เมื่ออธิบดีไดมีคําสั่งใหออกใบอนุญาตพรอมกําหนดเงื่อนไขและขอจํากัดสิทธิตามมาตรา 50 แลว ใหผูทรงสิทธิบัตรและผูไดรับอนุญาตตกลงคาตอบแทนใหไดภายในหนึ่งรอยยี่สิบวันนับจากไดรับแจงคํา วินิจฉัยของอธิบดี ในกรณีที่ทั้งสองฝายตกลงกันได ใหอธิบดีกําหนดคาตอบแทนใหตามที่ตกลงกัน และในกรณี ที่ทั้งสองฝายตกลงกันไมไดภายในระยะเวลาที่กําหนด ใหอธิบดีกําหนดคาตอบแทนที่เพียงพอตอพฤติการณ แหงกรณีโดยพิจารณาจากมูลคาทางเศรษฐกิจของการอนุญาตนั้น
คําวินิจฉัยของอธิบดีตามวรรคสามใหเปนที่สุด คูกรณีฝายใดไมเห็นดวยอาจอุทธรณตอ คณะกรรมการไดภายในหกสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจงคําวินิจฉัยนั้น”
มาตรา 33 ใหยกเลิกความในมาตรา 50 ทวิ แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่ง แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2542 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา ๕๐ ทวิ ใบอนุญาตใหใชสิทธิตามมาตรา ๕๐ อธิบดีอาจยกเลิกไดหากปรากฏวาเหตุ แหงการอนุญาตไดหมดสิ้นไปและไมนาจะเกิดขึ้นไดอีก และการยกเลิกดังกลาวจะไมกระทบกระเทือนสิทธิหรือ ผลประโยชนที่ผูไดรับอนุญาตใหใชสิทธิไดรับตามใบอนุญาตใหใชสิทธินั้น
ในกรณีที่อธิบดีเห็นสมควรยกเลิกใบอนุญาตใหใชสิทธิ ใหอธิบดีมีคําสั่งใหยกเลิกใบอนุญาต และแจงใหผูขอใชสิทธิ ผูทรงสิทธิบัตร และผูไดรับอนุญาตใหใชสิทธิของผูทรงสิทธิบัตรตามมาตรา 50/1 วรรคสองทราบ ภายในสิบหาวันนับแตวันที่อธิบดีมีคําสั่ง
คําสั่งอธิบดีตามวรรคสอง คูกรณีอาจอุทธรณตอคณะกรรมการไดภายในหกสิบวันนับแตวันที่ ไดรับแจงคําวินิจฉัยนั้น
การขอใหยกเลิกใบอนุญาตตามวรรคหนึ่งใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดโดย กฎกระทรวง และใหนําบทบัญญัติมาตรา ๔๙ มาใชบังคับโดยอนุโลม”
มาตรา 34 ใหยกเลิกความในมาตรา 51 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่ง แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา ๕๑ เพื่อประโยชนในการประกอบกิจการอันเปนสาธารณูปโภค หรือการอันจําเปน ในการปองกันประเทศ หรือการสงวนรักษาหรือการไดมาซึ่งทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดลอม หรือปองกัน หรือบรรเทาการขาดแคลนอาหาร ยาหรือสิ่งอุปโภคบริโภคอยางอื่นอยางรุนแรง หรือเปนกรณีที่คณะกรรมการ การแขงขันทางการคามีคําสั่งวาผูทรงสิทธิบัตรฝาฝนบทบัญญัติใดของกฎหมายแขงขันทางการคาอันเปนผลให เกิดอุปสรรคตอการเขาถึงบริการดานสาธารณสุข หรือเพื่อประโยชนสาธารณะอยางอื่น กระทรวงอาจใชสิทธิ ตามสิทธิบัตรอยางใดอยางหนึ่งตามมาตรา ๓๖ โดยกระทําการดังกลาวเองหรือใหบุคคลอื่นกระทําแทน
ในการใชสิทธิดังกลาว จะตองเสียคาตอบแทนแกผูทรงสิทธิบัตร หรือผูไดรับอนุญาตใหใช สิทธิของผูทรงสิทธิบัตรตามมาตรา 50/1 วรรคสอง โดยใหกระทรวงตามวรรคหนึ่งกําหนดคาตอบแทน เงื่อนไขในการใชสิทธิตามสิทธิบัตร และขอจํากัดสิทธิตามหลักเกณฑดังตอไปนี้
(๑) ขอบเขตและระยะเวลาที่อนุญาตตองไมเกินกวาพฤติการณอันจําเปนตามวัตถุประสงคที่ แหงการใชสิทธินั้น
(๒) ผูทรงสิทธิบัตรมีสิทธิที่จะอนุญาตใหผูรับอนุญาตรายอื่นใชสิทธิตามสิทธิบัตรของตนดวยก็ ได
(๓) กระทรวงหรือบุคคลอื่นที่กระทําการแทนกระทรวงไมมีสิทธิโอนใบอนุญาตใหแกบุคคล อื่น เวนแตจะโอนกิจการหรือชื่อเสียงในทางการคา โดยเฉพาะในสวนที่เกี่ยวกับการอนุญาตใหใชสิทธินั้นดวย
(๔) การอนุญาตจะตองมุงสนองความตองการของประชาชนภายในราชอาณาจักรเปนสําคัญ
(๕) คาตอบแทนที่กําหนดจะตองเพียงพอตอพฤติการณแหงกรณีโดยพิจารณาจากมูลคาทาง เศรษฐกิจของการอนุญาตนั้น เวนแตเปนการใชสิทธิเพื่อนําเขาเภสัชภัณฑซึ่งไมมี หรือมีศักยภาพในภาคการ ผลิตเภสัชภัณฑนั้นในราชอาณาจักรไมเพียงพอ และผูทรงสิทธิบัตรไดรับคาตอบแทนสําหรับเภสัชภัณฑนั้นใน ประเทศผูสงออกแลว
การใชสิทธิดังกลาวใหมีผลบังคับใชตั้งแตกระทรวงออกประกาศเพื่อบังคับใชสิทธิพรอม กําหนดคาตอบแทน เงื่อนไข ขอจํากัดสิทธิ
ผูทรงสิทธิบัตรมีสิทธิอุทธรณคําสั่งของกระทรวง จํานวนคาตอบแทน เงื่อนไข หรือขอจํากัด สิทธิ ตอศาลภายในหกสิบวันนับแตวันที่กระทรวงออกประกาศ
ผูทรงสิทธิบัตรอาจรองขอตอศาลเพื่อยกเลิกคําสั่งของกระทรวงตามมาตรานี้ได หากปรากฏ วาเหตุแหงการอนุญาตไดหมดสิ้นไปและไมนาจะเกิดขึ้นได”
มาตรา 35 ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนมาตรา 51/1 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
“มาตรา ๕๑/๑ ในกรณีที่เกิดความขาดแคลนเภสัชภัณฑในประเทศพัฒนานอยที่สุด หรือ ประเทศสมาชิกองคการการคาโลกซึ่งไมมี หรือมีศักยภาพในการผลิตเภสัชภัณฑไมเพียงพอ และประเทศนั้นได แจงความตองการที่จะนําเขาเภสัชภัณฑตอองคการการคาโลกแลว กระทรวงอาจใชสิทธิตามสิทธิบัตรอยางใด อยางหนึ่งตามมาตรา ๓๖ เพื่อผลิตและสงออกเภสัชภัณฑไปยังประเทศผูนําเขาที่ไดแจงความประสงคไวโดย กระทําการดังกลาวเองหรือใหบุคคลอื่นกระทําแทน ทั้งนี้ หากเปนกรณีที่เกิดภาวะฉุกเฉินในประเทศผูนําเขา หรือสภาพการณเรงดวนอยางที่สุดอื่นๆ หรือเปนการใชเพื่อสาธารณประโยชนที่ไมใชเชิงพาณิชย กระทรวงไม จําตองขออนุญาตใชสิทธิตามสิทธิบัตรจากผูทรงสิทธิบัตรกอน
ในการใชสิทธิดังกลาว จะตองเสียคาตอบแทนแกผูทรงสิทธิบัตร หรือผูไดรับอนุญาตใหใช สิทธิของผูทรงสิทธิบัตรตามมาตรา 50/1 วรรคสอง โดยใหกระทรวงตามวรรคหนึ่งกําหนดคาตอบแทน เงื่อนไขในการใชสิทธิตามสิทธิบัตร และขอจํากัดสิทธิตามหลักเกณฑดังตอไปนี้
(๑) ขอบเขตและระยะเวลาที่อนุญาตตองไมเกินกวาพฤติการณอันจําเปนเผื่อผลิตและสงออก เภสัชภัณฑตามปริมาณที่ประเทศผูนําเขาไดแจงไวตอองคการการคาโลก
(๒) ผูทรงสิทธิบัตรมีสิทธิที่จะอนุญาตใหผูรับอนุญาตรายอื่นใชสิทธิตามสิทธิบัตรของตนดวยก็ ได
(๓) กระทรวงหรือบุคคลอื่นที่กระทําการแทนกระทรวงไมมีสิทธิโอนใบอนุญาตใหแกบุคคล อื่น เวนแตจะโอนกิจการหรือชื่อเสียงในทางการคา โดยเฉพาะในสวนที่เกี่ยวกับการอนุญาตใหใชสิทธินั้นดวย
(๔) คาตอบแทนที่กําหนดจะตองเพียงพอตอพฤติการณแหงกรณีโดยพิจารณาจากมูลคาทาง เศรษฐกิจในประเทศผูนําเขา
การดําเนินการตามมาตรานี้ ใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง และใหนํามาตรา ๕๑ วรรคสามถึงหามาใชบังคับโดยอนุโลม”
มาตรา 36 ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนมาตรา 53/1 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
“มาตรา 53/1 สิทธิบัตรที่ออกโดยมีขอผิดพลาดเล็กนอยหรือผิดหลงเล็กนอยนั้น ผูทรง สิทธิบัตรอาจขอแกไขเพิ่มเติมตออธิบดีโดยชําระคาธรรมเนียมการขอแกไขสิทธิบัตร ทั้งนี้ การแกไขดังกลาว ตองไมเปนการเปลี่ยนแปลงสาระสําคัญหรือขอบเขตของการประดิษฐที่ไดรับความคุมครองตามสิทธิบัตร
ในการแกไขเพิ่มเติมสิทธิบัตรตามวรรคหนึ่ง ตองไดรับความยินยอมจากผูทรงสิทธิบัตรรวม ทุกคน หรือถามีการอนุญาตใหบุคคลใดใชสิทธิตามสิทธิบัตรตามมาตรา 41/1 มาตรา 45 มาตรา 46 หรือ มาตรา 47 ทวิ ตองไดรับความยินยอมจากบุคคลนั้นดวย”
มาตรา 37 ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนหมวด 2/1 คําขอระหวางประเทศภายใตสนธิสัญญา ความรวมมือดานสิทธิบัตร และมาตรา 55/1 มาตรา 55/2 มาตรา 55/3 มาตรา 55/4 มาตรา 55/5 มาตรา 55/6 มาตรา 55/7 มาตรา 55/8 มาตรา 55/9 มาตรา 55/10 และมาตรา 55/11 แหง พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
“หมวด 2/1
คําขอระหวางประเทศภาย
ใตสนธิสัญญาความรวมมือดานสิทธิบัตร
มาตรา 55/1 ในหมวดนี้
“สนธิสัญญา” หมายความวา สนธิสัญญาความรวมมือดานสิทธิบัตร ทําขึ้น ณ กรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๓ และที่แกไขเพิ่มเติม
“คําขอระหวางประเทศ” หมายความวา คําขอรับความคุมครองการประดิษฐที่ยื่นตาม สนธิสัญญา
“วันยื่นคําขอครั้งแรก” หมายความวา (๑) วันยื่นคําขอระหวางประเทศ หรือ (๒) วันยื่นคําขอรับความคุมครองการประดิษฐครั้งแรกกอนการยื่นคําขอระหวางประเทศ ใน กรณีที่มีการขอถือสิทธิตามมาตรา 55/4
“สํานักระหวางประเทศ” หมายความวา สํานักระหวางประเทศขององคการทรัพยสินทาง ปญญาโลก
“องคกรตรวจคนระหวางประเทศ” หมายความวา สํานักงานสิทธิบัตรของประเทศสมาชิก หรือองคการระหวางประเทศที่อธิบดีประกาศกําหนดใหมีอํานาจดําเนินการตรวจคนและรายงานความเห็น เกี่ยวกับงานที่ปรากฏอยูแลวที่เกี่ยวของกับการประดิษฐตามคําขอระหวางประเทศ
“องคกรตรวจสอบเบื้องตนระหวางประเทศ” หมายความวา สํานักงานสิทธิบัตรของประเทศ สมาชิก หรือองคการระหวางประเทศที่อธิบดีประกาศกําหนดใหมีอํานาจดําเนินการพิจารณาและจัดทํา ความเห็นเบื้องตนวาการประดิษฐที่ปรากฏตามขอถือสิทธิของคําขอระหวางประเทศเปนการประดิษฐขึ้นใหม มีขั้นการประดิษฐสูงขึ้น และสามารถประยุกตในทางอุตสาหกรรม
สวนที่ ๑
การยื่นคําขอระหวางประเทศเพื่อขอรับความคุมครอง
การประดิษฐในประเทศภาคีแหงสนธิสัญญา
มาตรา 55/2 ผูมีสิทธิยื่นคําขอระหวางประเทศตอกรมทรัพยสินทางปญญา ตองมีคุณสมบัติ ดังตอไปนี้
(๑) มีสัญชาติไทยหรือเปนนิติบุคคลที่มีสํานักงานแหงใหญตั้งอยูในประเทศไทย หรือ
(๒) มีภูมิลําเนาในประเทศไทย หรือ
(๓) อยูในระหวางการประกอบอุตสาหกรรมหรือพาณิชยกรรมอยางแทจริงและจริงจังใน ประเทศไทย
ในกรณีที่เปนคําขอระหวางประเทศของผูขอหลายคน ผูขออยางนอยหนึ่งคนตองมีคุณสมบัติ ตามที่กําหนดในวรรคหนึ่ง
ในกรณีที่บุคคลผูมีสัญชาติหรือมีภูมิลําเนาในประเทศภาคีอื่นแหงสนธิสัญญายื่นคําขอ ระหวางประเทศตอกรมทรัพยสินทางปญญา ใหผูยื่นคําขอระหวางประเทศชําระคาดําเนินการในอัตราเทากับ คาดําเนินการเพื่อจัดสงคําขอระหวางประเทศ และใหพนักงานเจาหนาที่สงคําขอระหวางประเทศนั้นไปยัง สํานักระหวางประเทศเพื่อดําเนินการตอไป
มาตรา 55/3 คําขอระหวางประเทศ ใหมีรายการดังตอไปนี้
(๑) คํารอง
(๒) รายละเอียดการประดิษฐ
(๓) ขอถือสิทธิ
(๔) รูปเขียน (ถามี) และ
(๕) บทสรุปการประดิษฐ
รายการตามวรรคหนึ่ง ใหเปนไปตามแบบคําขอระหวางประเทศตามที่อธิบดีประกาศกําหนด ตามสนธิสัญญา
มาตรา 55/4 ในการยื่นคําขอระหวางประเทศผูขออาจระบุวันยื่นคําขอครั้งแรกซึ่งไดยื่นไว ภายในสิบสองเดือนกอนการยื่นคําขอระหวางประเทศ เพื่อประโยชนในการพิจารณางานที่ปรากฏอยูแลวก็ได
ในกรณีที่ผูขอไมอาจยื่นคําขอระหวางประเทศภายใน 12 เดือนนับแตวันยื่นคําขอครั้งแรก ตามวรรคหนึ่ง ผูขออาจยื่นคํารองเพื่อขอฟนสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรก พรอมชําระคาธรรมเนียมตอพนักงาน เจาหนาที่ภายในสิบสี่เดือนนับแตวันยื่นคําขอครั้งแรก โดยระบุเหตุผลและหลักฐานที่แสดงวาตน [ไมมีเจตนา หรือ] ไดใชความระมัดระวังตามสมควรแกกรณีแลว
หากพนักงานเจาหนาที่เห็นวาผูขอ[ไมมีเจตนา หรือ] ไดใชความระมัดระวังตามสมควรแก กรณีแลวแตไมสามารถดําเนินการไดภายในระยะเวลาที่กําหนด ใหแจงการอนุญาตฟนสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรก ตอผูขอและสํานักระหวางประเทศกอนดําเนินการกับคําขอระหวางประเทศตอไป
หากพนักงานเจาหนาที่จะไมอนุญาตใหฟนสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรก ใหพนักงานเจาหนาที่ แจงเหตุแหงการไมอนุญาตและใหโอกาสผูขอชี้แจงภายในหนึ่งเดือนนับแตวันที่ไดรับแจงหรือไดรับหนังสือแจง เมื่อพนักงานเจาหนาที่ไดรับขอชี้แจงแลว ใหจัดทํารายงานเสนอตออธิบดี เมื่ออธิบดีไดวินิจฉัยแลว ใหคํา วินิจฉัยของอธิบดีเปนที่สุด
การขอถือสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรก และการขอฟนสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรก ใหเปนไปตาม หลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 55/5 คําขอระหวางประเทศที่ยื่นตอกรมทรัพยสินทางปญญา ใหจัดทําเปน ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ พรอมทั้งชําระคายื่นคําขอระหวางประเทศ คาตรวจคนระหวางประเทศ และคา ดําเนินการเพื่อจัดสงคําขอระหวางประเทศ
การยื่นคําขอระหวางประเทศ การระบุวันยื่นคําขอระหวางประเทศ หนาที่ของกรมทรัพยสิน ทางปญญา รวมทั้งการดําเนินการอื่นใดภายใตสนธิสัญญาที่เกี่ยวกับการรับคําขอระหวางประเทศ เพื่อขอรับ ความคุมครองการประดิษฐในประเทศภาคีแหงสนธิสัญญา ใหเปนไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง
สวนที่ ๒
การดําเนินการกับคําขอระหวางประเทศ
ที่ขอรับความคุมครองการประดิษฐในประเทศไทย
มาตรา 55/6 ผูขอซึ่งไดยื่นคําขอระหวางประเทศในประเทศภาคีแหงสนธิสัญญาไวแลว หากประสงคจะขอรับความคุมครองการประดิษฐในราชอาณาจักร ใหแจงความประสงคมายังกรมทรัพยสิน ทางปญญาตามแบบที่อธิบดีประกาศกําหนด พรอมทั้งสงคําแปลภาษาไทยของรายละเอียดการประดิษฐ ขอถือ สิทธิ รูปเขียน (ถามี) และบทสรุปการประดิษฐ พรอมทั้งชําระคาธรรมเนียมคําขอรับสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร ตามอัตราที่กําหนดในพระราชบัญญัตินี้ ภายในระยะเวลาสามสิบเดือนนับแตวันยื่นคําขอครั้งแรก
ในกรณีที่ผูขอไดแจงความประสงคและชําระคาธรรมเนียมตามวรรคหนึ่งแลว แตยังไมอาจสง คําแปลเปนภาษาไทยได ผูขออาจขอผอนผันการยื่นคําแปลไดอีกสามสิบวันนับจากวันแจงความประสงคตาม วรรคหนึ่งโดยชําระคาธรรมเนียมลาชา
เมื่อไดแจงความประสงคตามวรรคหนึ่งภายในกําหนดระยะเวลาแลว ใหถือวาคําขอระหวาง ประเทศเปนคําขอรับสิทธิบัตรที่ไดยื่นในราชอาณาจักรตั้งแตวันยื่นคําขอระหวางประเทศ และใหพนักงาน เจาหนาที่ดําเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ตอไป
ในกรณีที่ผูขอมิไดดําเนินการภายในระยะเวลาที่กําหนดตามวรรคหนึ่ง หรือไมยื่นคําแปล ภายในกําหนดเวลาตามวรรคสอง ใหถือวาคําขอระหวางประเทศนั้นสิ้นผลในประเทศไทย
มาตรา 55/7 ในกรณีที่ผูขอไมอาจแจงความประสงคจะขอรับความคุมครองการประดิษฐใน ราชอาณาจักรภายในระยะเวลาตามมาตรา 55/6 ผูขออาจยื่นคํารองเพื่อขอฟนสิทธิคําขอระหวางประเทศให มีผลในประเทศไทยพรอมชําระคาธรรมเนียมตอพนักงานเจาหนาที่โดยระบุเหตุผลและหลักฐานวาตน[ไมมี เจตนา หรือ] ไดใชความระมัดระวังตามสมควรแกกรณีแลว
การยื่นคํารองตามวรรคหนึ่ง ใหยื่นภายในระยะเวลาสองเดือนนับแตวันที่เหตุที่ทําใหไม สามารถดําเนินการภายในระยะเวลาที่กําหนดไดสิ้นสุดลง หรือภายในระยะเวลาสิบสองเดือนนับแตวันครบ กําหนดระยะเวลาตามมาตรา 55/6 แลวแตระยะเวลาใดจะสิ้นสุดลงกอน
หากพนักงานเจาหนาที่เห็นวาผูขอ[ไมมีเจตนา หรือ] ไดใชความระมัดระวังตามสมควรแก กรณีแลวแตไมสามารถดําเนินการไดภายในระยะเวลาที่กําหนด ใหแจงการอนุญาตฟนสิทธิคําขอระหวาง ประเทศในประเทศไทยตอผูขอ และดําเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ตอไป
ในกรณีที่พนักงานเจาหนาที่จะไมอนุญาตใหฟนสิทธิคําขอระหวางประเทศในประเทศไทย ให พนักงานเจาหนาที่แจงเหตุแหงการไมอนุญาตและใหโอกาสผูขอชี้แจงภายในหนึ่งเดือนนับแตวันที่ไดรับแจง หรือไดรับหนังสือแจง เมื่อพนักงานเจาหนาที่ไดรับขอชี้แจงแลว ใหจัดทํารายงานเสนอตออธิบดี เมื่ออธิบดีได วินิจฉัยแลว ใหคําวินิจฉัยของอธิบดีเปนที่สุด
การขอฟนสิทธิคําขอระหวางประเทศในประเทศไทย ใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการที่ กําหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 55/8 หากคําขอระหวางประเทศที่แจงความประสงคจะขอรับความคุมครองใน ราชอาณาจักรตามมาตรา 55/6 มีการระบุวันยื่นคําขอครั้งแรกกอนหนาวันยื่นคําขอระหวางประเทศ ใหถือ เปนการขอใชสิทธิตามมาตรา 19 ทวิ(2) เพื่อประโยชนในการพิจารณางานที่ปรากฏอยูแลวในราชอาณาจักร
ในกรณีวันยื่นคําขอครั้งแรกที่ระบุในคําขอระหวางประเทศเปนวันกอนหนาวันยื่นคําขอ ระหวางประเทศเกินกวาสิบสองเดือน เนื่องจากไดรับอนุญาตใหฟนสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรกโดยสํานักงาน รับคําขอในประเทศภาคีแหงสนธิสัญญาเนื่องจากผูขอ[ไมมีเจตนา หรือ] ไดใชความระมัดระวังตามสมควรแก กรณีแลว ผูขออาจยื่นคํารองเพื่อขอฟนสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรก พรอมชําระคาธรรมเนียมตอพนักงาน เจาหนาที่ภายในหนึ่งเดือนนับแตวันครบกําหนดตามมาตรา 55/6 โดยระบุเหตุผลและหลักฐานที่แสดงวาตน [ไมมีเจตนา หรือ] ไดใชความระมัดระวังตามสมควรแกกรณีแลว
หากพนักงานเจาหนาที่เห็นวาผูขอ[ไมมีเจตนา หรือ] ไดใชความระมัดระวังตามสมควรแก กรณีแลว แตไมสามารถดําเนินการไดภายในระยะเวลาที่กําหนด ใหแจงการอนุญาตฟนสิทธิวันยื่นคําขอครั้ง แรกตอผูขอและดําเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ตอไป
ในกรณีที่พนักงานเจาหนาที่จะไมอนุญาตใหฟนสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรก ใหพนักงาน เจาหนาที่แจงเหตุแหงการไมอนุญาตและใหโอกาสผูขอชี้แจงภายในหนึ่งเดือนนับแตวันที่ไดรับแจงหรือไดรับ หนังสือแจง เมื่อพนักงานเจาหนาที่ไดรับขอชี้แจงแลว ใหจัดทํารายงานเสนอตออธิบดี เมื่ออธิบดีไดวินิจฉัยแลว ใหคําวินิจฉัยของอธิบดีเปนที่สุด
การขอถือสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรก และการขอฟนสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรก ใหเปนไปตาม หลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 55/9 ผูขอซึ่งไดยื่นคําขอระหวางประเทศไวแลวในประเทศภาคีแหงสนธิสัญญาและ ประสงคที่จะขอรับความคุมครองการประดิษฐในประเทศไทย อาจยื่นคํารองขอใหกรมทรัพยสินทางปญญา ทบทวนผลการพิจารณาคําขอระหวางประเทศในกรณีดังตอไปนี้
(๑) กรณีที่สํานักงานรับคําขอในประเทศภาคีแหงสนธิสัญญาปฏิเสธที่จะระบุวันยื่นคําขอ ระหวางประเทศ หรือ
(๒) กรณีที่ถือวามีการถอนคําขอระหวางประเทศ การยื่นคํารองตามวรรคหนึ่ง ใหผูขอยื่นคํารองไปยังสํานักระหวางประเทศภายในระยะเวลา สองเดือนนับแตวันที่ผูขอไดรับแจงผลการพิจารณา เพื่อขอใหสํานักระหวางประเทศจัดสงคําขอระหวาง ประเทศนั้นมายังกรมทรัพยสินทางปญญา
หากปรากฏแกพนักงานเจาหนาที่วาผลการพิจารณาคําขอระหวางประเทศตามวรรคหนึ่ง เกิดจากความผิดพลาดหรือความละเลยของสํานักงานรับคําขอในประเทศภาคีแหงสนธิสัญญา หรือสํานัก ระหวางประเทศ ใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการกับคําขอระหวางประเทศนั้นตามขั้นตอนที่กําหนดใน พระราชบัญญัตินี้ตอไป และใหถือวาคําขอระหวางประเทศดังกลาวเปนคําขอรับสิทธิบัตร หรืออนุสิทธิบัตร ที่ ไดยื่นตอกรมทรัพยสินทางปญญาในวันที่ระบุวาเปนวันยื่นคําขอระหวางประเทศ
มาตรา 55/10 เมื่อครบกําหนดระยะเวลาสามสิบเดือนนับแตวันยื่นคําขอครั้งแรกและได รับคําแปลของคําขอระหวางประเทศแลว ใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการตรวจสอบคําขอและประกาศ โฆษณาตามมาตรา ๒๘ ตอไป เวนแตผูขอไดยื่นคํารองขอใหดําเนินการกอนครบกําหนดระยะเวลาดังกลาว
มาตรา 55/11 คายื่นคําขอระหวางประเทศ และคาตรวจคนระหวางประเทศ ใหเปนไป ตามที่อธิบดีประกาศตามที่สํานักระหวางประเทศ และองคกรตรวจคนระหวางประเทศกําหนด
คาดําเนินการเพื่อจัดสงคําขอระหวางประเทศ คาธรรมเนียมการขอฟนสิทธิ และ คาธรรมเนียมลาชา ใหเปนไปตามที่กําหนดตามบัญชีทายพระราชบัญญัตินี้”
มาตรา 38 ใหยกเลิกความในมาตรา 65 จัตวา แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา ๖๕ จัตวา ผูขอรับอนุสิทธิบัตรหรือผูขอรับสิทธิบัตรมีสิทธิขอเปลี่ยนแปลงประเภท ของสิทธิที่จะขอรับจากอนุสิทธิบัตรเปนสิทธิบัตร หรือจากสิทธิบัตรเปนอนุสิทธิบัตรไดกอนการจดทะเบียนการ ประดิษฐ และออกอนุสิทธิบัตร หรือกอนสิ้นสุดระยะเวลา 4 ปนับแตวันยื่นคําขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ แลวแตกรณี และผูขอมีสิทธิใหถือเอาวันยื่นคําขอเดิมเปนวันยื่นคําขอ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑและวิธีการที่ กําหนดโดยกฎกระทรวง”
มาตรา 39 ใหยกเลิกความในมาตรา 65 เบญจ แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา 65 เบญจ เมื่อพนักงานเจาหนาที่เสนอรายงานการตรวจสอบตออธิบดีแลว ให อธิบดีมีคําสั่งใหจดทะเบียนการประดิษฐและออกอนุสิทธิบัตร หากพิจารณาเห็นวา
(๑) สิ่งที่ขอรับอนุสิทธิบัตรเปนการประดิษฐตามมาตรา 3
(2) คําขอรับอนุสิทธิบัตรถูกตองตามมาตรา 65 ทศ ประกอบดวยมาตรา 16 และมาตรา 17 และ
(3) สิ่งนั้นไดรับการคุมครองตามมาตรา 65 ทศ ประกอบดวยมาตรา 9
กอนจดทะเบียนการประดิษฐและออกอนุสิทธิบัตร ใหพนักงานเจาหนาที่แจงใหผูขอรับอนุ สิทธิบัตรชําระคาธรรมเนียมการออกอนุสิทธิบัตรและคาธรรมเนียมประกาศโฆษณาโดยทางไปรษณีย ลงทะเบียนตอบรับหรือโดยวิธีการอื่นที่อธิบดีกําหนด หากผูขอรับอนุสิทธิบัตรไมชําระคาธรรมเนียมการออก อนุสิทธิบัตรและคาธรรมเนียมประกาศโฆษณาภายในหกสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจง ใหพนักงานเจาหนาที่มี หนังสือแจงผูขอรับอนุสิทธิบัตรโดยทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับหรือโดยวิธีการอื่นที่อธิบดีกําหนดอีกครั้ง หนึ่ง และหากผูขอรับอนุสิทธิบัตรยังไมชําระคาธรรมเนียมการออกอนุสิทธิบัตรและคาธรรมเนียมประกาศ โฆษณาภายในหกสิบวันนับแตวันไดรับแจงดังกลาวอีก ใหถือวาผูขอรับอนุสิทธิบัตรละทิ้งคําขอรับอนุสิทธิบัตร
ในกรณีที่อธิบดีพิจารณาเห็นวาคําขอรับอนุสิทธิบัตรไมเปนไปตาม (1) (2) หรือ (3) ใหอธิบดี สั่งยกคําขอรับอนุสิทธิบัตรนั้น และใหพนักงานเจาหนาที่มีหนังสือแจงคําสั่งโดยทางไปรษณียลงทะเบียนตอบ รับไปยังผูขอรับอนุสิทธิบัตรหรือโดยวิธีการอื่นที่อธิบดีกําหนดภายในสิบหาวันนับแตวันที่อธิบดีมีคําสั่ง
อนุสิทธิบัตรใหเปนไปตามแบบที่กําหนดโดยกฎกระทรวง”
มาตรา 40 ใหยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 65 ฉ แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา ๖๕ ฉ บุคคลใดอาจขอใหตรวจสอบวาการประดิษฐที่ไดรับอนุสิทธิบัตรมีลักษณะ ตามที่กําหนดในมาตรา ๖๕ ทวิ หรือไมก็ได”
มาตรา 41 ใหยกเลิกความในมาตรา 65 ทศ แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่ง แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา ๖๕ ทศ ใหนําบทบัญญัติมาตรา ๖ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ มาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ มาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘ มาตรา ๑๙ มาตรา ๑๙ ทวิ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ มาตรา ๒๕ มาตรา ๒๖ มาตรา 26/1 มาตรา ๒๗ มาตรา 34/1 มาตรา ๓๕ ทวิ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๖ ทวิ มาตรา ๓๘ มาตรา ๓๙ มาตรา ๔๐ มาตรา ๔๑ มาตรา 41/1 มาตรา ๔๒ มาตรา ๔๓ มาตรา ๔๔ มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ มาตรา ๔๗ ทวิ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๐ มาตรา 50/1 มาตรา ๕๐ ทวิมาตรา ๕๑ มาตรา 51/1 มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ มาตรา 53/1และมาตรา ๕๕ ในหมวด ๒ วาดวยสิทธิบัตรการประดิษฐมาใชบังคับในหมวด ๓ ทวิ วาดวยอนุสิทธิบัตรโดย อนุโลม”
มาตรา 42 ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนวรรคสามของมาตรา 67 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
“เมื่อครบกําหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังมิไดมีการแตงตั้งกรรมการผูทรงคุณวุฒิขึ้น ใหม ใหกรรมการผูทรงคุณวุฒิซึ่งพนจากตําแหนงตามวาระนั้นอยูในตําแหนงเพื่อดําเนินงานตอไปจนกวา กรรมการผูทรงคุณวุฒิซึ่งไดรับแตงตั้งใหมเขารับหนาที่”
มาตรา 43 ใหยกเลิกความใน (2) ของมาตรา 70 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ และใหใชความตอไปนี้แทน
“(๒) วินิจฉัยอุทธรณคําสั่งหรือคําวินิจฉัยของอธิบดีเกี่ยวกับสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรตาม มาตรา ๔๑ มาตรา 43 มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๕ มาตรา ๖๕ ฉ หรือมาตรา ๖๕ ทศ ประกอบดวยมาตรา 43 มาตรา ๔๕ หรือมาตรา ๗๒”
มาตรา 44 ใหยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 72 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา ๗๒ ในกรณีที่มีคําสั่งหรือคําวินิจฉัยของอธิบดีตามมาตรา ๑๒ มาตรา ๑๕ มาตรา ๒๘ มาตรา ๓๐ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๐ มาตรา 50/1 มาตรา ๕๐ ทวิหรือมาตรา ๖๑ หรือมาตรา ๖๕ ประกอบดวยมาตรา ๑๒ มาตรา ๑๕ มาตรา ๒๘ มาตรา 32/1 (๒) มาตรา ๓๓ หรือ มาตรา ๓๔ หรือมาตรา ๖๕ เบญจ หรือมาตรา ๖๕ ฉ หรือมาตรา ๖๕ ทศ ประกอบดวยมาตรา ๑๒ มาตรา ๑๕ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๐ หรือมาตรา 50/1 ผูมีสวนไดเสียตามมาตราดังกลาวมีสิทธิอุทธรณตอ คณะกรรมการภายในหกสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจงคําสั่งหรือคําวินิจฉัยของอธิบดี ถาไมอุทธรณภายใน ระยะเวลาดังกลาว ใหถือวาคําสั่งหรือคําวินิจฉัยของอธิบดีเปนที่สุด”
มาตรา 45 ใหยกเลิกความในมาตรา 73 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา ๗๓ ในการพิจารณาอุทธรณคําสั่ง หรือคําวินิจฉัยของอธิบดี หรือพิจารณารายงาน การสอบสวนของอธิบดีตามมาตรา ๕๕ หรือมาตรา 65 ฉ เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร คณะกรรมการจะใหผูคัดคาน หรือผูโตแยง หรือผูทรงสิทธิบัตร หรือผูทรงอนุสิทธิบัตร หรือผูขอใหตรวจสอบ อนุสิทธิบัตร หรือผูไดรับอนุญาตใหใชสิทธิบัตรหรือตามอนุสิทธิบัตร แลวแตกรณี นําพยานหลักฐานมาแสดง หรือแถลงเพิ่มเติมก็ได ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกําหนด”
มาตรา 46 ใหยกเลิกความในมาตรา 79 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 และให ใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา 79 บรรดาคําขอ คํารอง คําคัดคาน คําโตแยง และคําอุทธรณ ตามพระราชบัญญัติ นี้ ใหใชแบบพิมพและมีสําเนาตามที่อธิบดีกําหนด”
มาตรา 47 ใหยกเลิกความในมาตรา 80 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่ง แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 และใหใชความตอไปนี้แทน
“มาตรา ๘๐ บรรดาคําขอรับสิทธิบัตร คําขอรับอนุสิทธิบัตร คําขอใหตรวจสอบการประดิษฐ คําคัดคานการขอรับสิทธิบัตร คํารองเพื่อขอฟนสิทธิวันยื่นคําขอครั้งแรก คํารองเพื่อขอฟนสิทธิคําขอระหวาง ประเทศใหมีผลในประเทศไทย คํารองขอถอนคําขอรับสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร คําขอใหเพิกถอนการ ประดิษฐที่ไดรับอนุสิทธิบัตร คําขอแกไขสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร คําขอจดทะเบียนสัญญาอนุญาตใหใชสิทธิ ตามสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร คําขอจดทะเบียนรับโอนสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร คําขอเปลี่ยนแปลงสิทธิบัตร หรืออนุสิทธิบัตร คําขอตออายุอนุสิทธิบัตร คําขอบันทึกคํายินยอมใหบุคคลอื่นใชสิทธิตามสิทธิบัตรหรืออนุ สิทธิบัตร คําขอใชสิทธิตามสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร ใบอนุญาตใหใชสิทธิตามสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร คํา อุทธรณคําสั่งหรือคําวินิจฉัยของอธิบดี ใบแทนสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร ใบแทน ใบอนุญาตใหใชสิทธิ คําขอ อื่นๆ การคัดสําเนาเอกสารและการรับรองสําเนาเอกสาร ใหเสียคาธรรมเนียมตามที่กําหนดโดยกฎกระทรวง”
มาตรา 48 ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนมาตรา 80/1 และมาตรา 80/2 แหงพระราชบัญญัติ สิทธิบัตร พ.ศ. 2522
“มาตรา 80/1 การยื่นคําขอ การอนุญาต การจดทะเบียน การชําระเงิน การประกาศ โฆษณา หนังสือเรียก หนังสือแจง คําสั่งหรือคําวินิจฉัยใดๆ ของพนักงานเจาหนาที่ อธิบดีหรือคณะกรรมการ หรือหนังสืออื่นใดหรือการดําเนินการใดๆ ใหสามารถกระทําไดในรูปของขอมูลอิเล็กทรอนิกสหรือโดยวิธีการ อื่นที่อธิบดีประกาศกําหนด
มาตรา 80/2 ในกรณีที่พนักงานเจาหนาที่ไดสงหนังสือเรียก หนังสือแจง หรือหนังสืออื่นใดที่ มีถึงผูยื่นคําขอ ผูคัดคาน ผูโตแยง หรือบุคคลอื่นใดทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับ ใหสง ณ สํานักงานหรือ สถานที่ที่ระบุไวในคําขอ
ถาไมสามารถสงตามวิธีดังกลาวในวรรคหนึ่งได จะใหพนักงานเจาหนาที่นําหนังสือนั้นไปสง หรือจะสงโดยทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับอีกครั้งหนึ่งก็ได ในกรณีที่ใหพนักงานเจาหนาที่นําหนังสือนั้นไป สง ถาไมพบผูรับจะสงใหแกบุคคลใดซึ่งบรรลุนิติภาวะแลวและอยูหรือทํางานในสํานักงานหรือสถานที่ดังกลาว หรือจะปดหนังสือนั้นไวในที่ซึ่งเห็นไดงาย ณ สํานักงานหรือสถานที่ดังกลาวของผูรับนั้นก็ได
เมื่อไดสงตามวิธีการดังกลาวในวรรคสองและเวลาไดลวงพนไปเจ็ดวันแลว ใหถือวาบุคคลนั้น ไดรับหนังสือนั้นแลว”
มาตรา 49 ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนมาตรา 87/1 แหงพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522
“มาตรา 87/1 บุคคลใดยื่นขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ หรือ อนุสิทธิบัตร โดยปกปดหรือแสดงขอความอันเปนเท็จหรือแสดงขอความไมครบถวนเกี่ยวกับแหลงที่มาของ ทรัพยากรพันธุกรรม หรือภูมิปญญาทองถิ่น หรือเกี่ยวกับการขออนุญาตกอนการเขาถึงและขอตกลงแบงปน ผลประโยชน ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหกเดือน หรือปรับไมเกินหาพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”
บทเฉพาะกาล
(อยูระหวางการยกราง)
บัญชีอัตราคาธรรมเนียม
(อยูระหวางการยกราง)
สํานักกฎหมาย กรมทรัพยสินทางปญญา / 19 พฤษภาคม 2560
หมายเหตุ
1.ใชเพื่อประกอบการรับฟงความคิดเห็นเบื้องตนระหวางวันที่ 19 พ.ค. 60 – 1 มิ.ย. 60 เทานั้น
2.รางพระราชบัญญัติฉบับนี้ จัดเตรียมขึ้นโดยฝายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนากฎหมายวาดวยสิทธิบัตรโดยผานการพิจารณาของ คณะอนุกรรมการยกรางกฎหมายวาดวยสิทธิบัตรแลว แตยังไมเปนที่ยุติไมสามารถใชอางอิงในทางกฎหมายได้