แพทยสภาพิจารณาทางลัดสู่แพทย์ศัลยกรรมเสริมความงาม
หลักสูตรอบรมศัลยกรรมเสริมความงามระยะสั้นยังคงเป็นประเด็นที่น่าสนใจสำหรับวงการแพทย์ หลังจากกลายเป็นประเด็นร้อนแรงเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เนื่องด้วยมีกลุ่มนายแพทย์จำนวนหนึ่งได้เรียกร้องต่อแพทยสภาให้มีการจัดอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรการศัลยกรรมเสริมความงามระยะสั้นสำหรับแพทย์ทั่วไปแทนการศึกษาเฉพาะทาง
“ก่อนหน้านี้ อาจจะต้องใช้ระยะเวลากว่า 3 ปีในการศึกษาต่อเพื่อเป็นแพทย์เฉพาะด้าน แต่คิดว่าเป็นการสิ้นเปลืองเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งไม่จำเป็นเลยที่จะต้องใช้เวลาในการศึกษาถึง 2 ปีจึงจะผ่าตัดตาได้ ทั้งๆที่สามารถเรียนรู้ได้ภายใน 6 เดือน” นายกแพทยสภากล่าวต่อหนังสือพิมพ์ Bangkok Post เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา
ปัจจุบันนี้ประเด็นดังกล่าวยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของแพทยสภาถึงการวางโครงสร้างหลักสูตรและการรับรองประกาศนียบัตรของแพทย์ เนื่องด้วยแพทย์ทำศัลยกรรมเสริมความงามยังคงมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นแพทย์ทั่วไปที่จบแพทยศาสตร์ออกมาไม่ใช่แพทย์เฉพาะทาง ทำให้บางครั้งอาจเกิดปัญหาในการผ่าตัดศัลยกรรมความงามให้กับคนไข้จนถึงขั้นเสียโฉมและเสียชีวิตในบางราย ดังนั้นเพื่อให้ประเทศไทยพร้อมที่จะรองรับกระแสการเติบโตของการศัลยกรรมเสริมความงาม จึงควรมีการให้ความรู้แก่แพทย์เพื่อให้มีแพทย์ที่มีคุณภาพและมีปริมาณเพียงพอ ดังนั้นหากเปิดอบรมหลักสูตรดังกล่าวจะช่วยควบคุมมาตรฐานและควบคุมจำนวนแพทย์ได้ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยไม่ได้มีกฎหมายห้ามแพทย์ทำศัลยกรรมหัตการ เพียงแต่ให้ทำด้วยความระมัดระวังเท่านั้น มีกฎระเบียบควบคุมการทำศัลยกรรมเฉพาะกรณีซับซ้อน เช่น การแปลงเพศ จะระบุชัดว่าเป็นแพทย์ด้านใด แต่ความเข้มข้นของเนื้อหาจะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการศัลยกรรมแต่ละประเภทโดยคาดว่าขั้นต่ำในการอบรมอยู่ที่ 6 เดือนต่อหลักสูตร
ทั้งนี้ หลักสูตรดังกล่าวมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จึงต้องติดตามต่อไปว่าแพทยสภาจะดำเนินการไปในทิศทางใด แต่สุดท้ายก็คงต้องไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนบนหลักพื้นฐานการคุ้มครองสิทธิของประชาชน และรักษาภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือแห่งวิชาชีพแพทย์ผู้ให้การบริบาลมิใช่แพทย์เชิงพาณิชย์อย่างที่หลายคนเกรงว่าเกิดขึ้นจริง เพราะแม้จะอบรมเทคนิคการศัลยกรรมตกแต่งต่างๆย่อมอาจมีผลแทรกซ้อนได้
