Hot! พระราชบัญญัติ เครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙

พระราชบัญญัติ เครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๓)

พ.ศ. ๒๕๕๙

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙

เป็นปีที่ ๗๑ ในรัชกาลปัจจุบัน

             พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

             โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยเครื่องหมายการค้า

              จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแหงชาติ ดังต่อไปนี้

             มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙”

             มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เวนแต ้ ่บทบัญญัติมาตรา ๓๑ จะให้ใช้บังคับเมื่อใดให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

            มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคําว่า “เครื่องหมาย” ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติ เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปน้แทน ี

           “เครื่องหมาย” หมายความว่า ภาพถ่าย ภาพวาด ภาพประดิษฐ์ ตรา ชื่อ คํา ข้อความ ตัวหนังสือ ตัวเลข ลายมือชื่อ กลุ่มของสี รูปร่างหรือรูปทรงของวัตถุ เสียง หรือสิ่งเหล่านี้อย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างรวมกัน”

            มาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน

           “มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอํานาจ แต่งตั้งนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ กับออกกฎกระทรวงกําหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตรา ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียม และกําหนดกิจการอื่น ตลอดจนออกประกาศ ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้”

            มาตรา ๕ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตเครnjองหมายการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

            “มาตรา ๗ เครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะบ่งเฉพาะ ได้แก่ เครื่องหมายการค้าอันมีลักษณะ ที่ทําให้ประชาชนหรือผู้ใช้สินค้านั้นทราบและเข้าใจได้ว่า สินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้านั้นแตกต่างไปจาก สินค้าอื่น

             เครื่องหมายการค้าที่มีหรือประกอบด้วยลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นสาระสําคัญดังต่อไปนี้ ให้ถือว่ามีลักษณะบ่งเฉพาะ

             (๑) ชื่อตัว ชื่อสกุลของบุคคลธรรมดาที่ไม่เป็นชื่อสกุลตามความหมายอันเข้าใจกันโดยธรรมดา ชื่อเต็มของนติิบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น หรือชื่อในทางการค้าที่แสดงโดยลักษณะพิเศษและไม่เล็งถึง ลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรง

             (๒) คําหรือข้อความอันไม่ได้เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้านั้นโดยตรง และไม่เป็นชื่อ ทางภูมิศาสตร์ที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด

             (๓) คําที่ประดิษฐ์ขึ้น

             (๔) ตัวหนังสือหรือตัวเลขที่ประดิษฐ์ขึ้น

             (๕) กลุ่มของสีที่แสดงโดยลักษณะพิเศษ

             (๖) ลายมือชื่อของผู้ขอจดทะเบียนหรือของเจ้าของเดิมของกิจการของผู้ขอจดทะเบียน หรือ ลายมือชื่อของบุคคลอื่นโดยได้รับอนุญาตจากบุคคลนั้นแล้ว

            (๗) ภาพของผู้ขอจดทะเบียนหรือของบุคคลอื่นโดยได้รับอนุญาตจากบุคคลนั้นแล้ว หรือในกรณีที่ บุคคลนั้นตายแล้วโดยได้รับอนุญาตจากบุพการี ผู้สืบสันดาน และคู่สมรสของบุคคลนั้น ถ้ามี แล้ว

            (๘) ภาพที่ประดิษฐ์ขึ้น

            (๙) ภาพอันไม่ได้เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้านั้นโดยตรง และไม่เป็นภาพแผนที่ หรือภาพแสดงสถานที่ทางภูมิศาสตร์ที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด

           (๑๐) รูปร่างหรือรูปทรงอันไม่เป็นลักษณะโดยธรรมชาติของสินค้านั้นเอง หรือไม่เป็นรูปร่าง หรือรูปทรงที่จําเป็นต่อการทํางานทางเทคนิคของสินค้านั้น หรือไม่เป็นรูปร่างหรือรูปทรงที่ทําให้สินค้านั้น มีมูลค่าเพิ่มขึ้น

          (๑๑) เสียงอันไม่ได้เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้านั้นโดยตรง หรือเสียงที่ไม่เป็นเสียง โดยธรรมชาติของสินค้านั้น หรือเสียงที่ไม่ได้เกิดจากการทํางานของสินค้านั้น

          เครื่องหมายการค้าที่ไม่มีลักษณะตามวรรคสอง (๑) ถึง (๑๑) หากได้มีการจําหน่าย เผยแพร่ หรือโฆษณาสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้านั้นจนแพร่หลายแล้วตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด และพิสูจน์ได้ว่าได้ปฏิบัติถูกต้องตามหลักเกณฑ์นั้นแล้ว ให้ถือว่ามีลักษณะบ่งเฉพาะ”

           มาตรา ๖ ให้ยกเลิกวรรคสองของมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔

          มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

         “มาตรา ๑๓ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๗ ห้ามนายทะเบียนรับจดทะเบียนในกรณีที่เห็นว่า เครื่องหมายการค้าที่ขอจดทะเบียนนั้น

         (๑) เป็นเครื่องหมายการค้าที่เหมือนกับเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว ไม่ว่าจะใช้กับสินค้าจําพวกเดียวกันหรือต่างจําพวกกัน ที่นายทะเบียนเห็นว่ามีลักษณะอย่างเดียวกัน หรือ

        (๒) เป็นเครื่องหมายการค้าที่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว จนอาจทําให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของของสินค้าหรือแหล่งกําเนิดของสินค้า ไมว่ ่าจะใช้กับสินค้าจําพวกเดียวกันหรือต่างจําพวกกัน ที่นายทะเบียนเห็นว่ามีลักษณะอย่างเดียวกัน”

        มาตรา ๘ ให้ยกเลิกมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔

        มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

        “ให้นายทะเบียนมีคําสั่งให้ผู้ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารายนั้นแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้อง ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคําสั่งนั้น และมีหนังสือแจ้งคําสั่งให้ผู้ขอจดทะเบียนทราบโดยไม่ชักช้า”

         มาตรา ๑๐ ให้ยกเลิกความใน (๑) และ (๒) ของวรรคหนึ่งของมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติ เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

        “(๑) สั่งให้ผู้ขอจดทะเบียนแสดงการปฏิเสธว่า ไม่ขอถือเป็นสิทธิของตนแต่ผู้เดียวในอันที่จะใช้ ส่วนดังกล่าวของเครื่องหมายการค้ารายนั้น ทั้งนี้ ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคําสั่งนั้น

         (๒) สั่งให้ผู้ขอจดทะเบียนแสดงการปฏิเสธอย่างอื่น ตามที่นายทะเบียนเห็นว่าจําเป็นต่อ การกําหนดสิทธิจากการจดทะเบียนของเจ้าของเครื่องหมายการค้ารายนั้น ทั้งนี้ ภายในหกสิบวันนับแต่ วันที่ได้รับคําสั่งนั้น”

         มาตรา ๑๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๘ มาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

        “มาตรา ๑๘ ผู้ขอจดทะเบียนมีสิทธิอุทธรณ์คําสั่งของนายทะเบียนตามมาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ และมาตรา ๑๗ ต่อคณะกรรมการภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคําสั่งของนายทะเบียน คําวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการให้เป็นที่สดุ

        ถ้าคณะกรรมการมีคําวินิจฉัยอุทธรณ์ว่า คําสั่งของนายทะเบียนตามมาตรา ๑๕ หรือมาตรา ๑๗ ถูกต้องแล้ว ให้ผู้ขอจดทะเบียนปฏิบัติตามคําสั่งของนายทะเบียนภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง คําวินิจฉัยของคณะกรรมการ ถ้าคณะกรรมการมีคําวินิจฉัยอุทธรณ์ว่า คําสั่งของนายทะเบียนตามมาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ หรือมาตรา ๑๗ ไม่ถูกต้อง ให้นายทะเบียนดําเนินการเกี่ยวกับคําขอจดทะเบียนรายนั้นต่อไป

         มาตรา ๑๙ ถ้าผู้ขอจดทะเบียนมิได้อุทธรณ์ตามมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง และมิได้ปฏิบัติ ตามคําสั่งของนายทะเบียนตามมาตรา ๑๕ หรือมาตรา ๑๗ แล้วแต่กรณี หรือถ้าผู้ขอจดทะเบียนได้อุทธรณ์ ตามมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง แต่มิได้ปฏิบัติตามมาตรา ๑๘ วรรคสอง ให้ถือว่าผู้ขอจดทะเบียนละทิ้ง คําขอจดทะเบียน

         มาตรา ๒๐ ในกรณีที่มีผู้ขอจดทะเบียนหลายรายต่างยื่นคําขอจดทะเบียนเพื่อเป็นเจ้าของ เครื่องหมายการค้า ถ้านายทะเบียนเห็นว่าเครื่องหมายการค้าเหล่านั้นมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ให้นายทะเบียนดําเนินการเกี่ยวกับคําขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ได้ยื่นไว้เป็นรายแรก และมีหนังสือ แจ้งคําสั่งให้ผู้ขอจดทะเบียนรายหลังรอการพิจารณาดําเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ก่อน

          (๑) เป็นเครื่องหมายการค้าที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะใช้กับสินค้าจําพวกเดียวกันหรือต่างจําพวกกัน ที่นายทะเบียนเห็นว่ามีลักษณะอย่างเดียวกัน

           (๒) เป็นเครื่องหมายการค้าที่คล้ายกันจนอาจทําให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของ ของสินค้าหรือแหล่งกําเนิดของสินค้า ไม่ว่าจะใช้กับสินค้าจําพวกเดียวกันหรือต่างจําพวกกัน ที่นายทะเบียน เห็นว่ามีลักษณะอย่างเดียวกัน

          ในกรณีที่เครื่องหมายการค้าที่ยื่นไว้เป็นรายแรกไม่ได้รับการจดทะเบียน ให้นายทะเบียนพิจารณา ดําเนินการเกี่ยวกับคําขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ได้ยื่นไว้เป็นรายถัดไป และมีหนังสือแจ้งให้ผู้ขอ จดทะเบียนรายนั้นและรายอื่นทราบโดยไม่ชักช้า

           มาตรา ๒๑ ผู้ขอจดทะเบียนซึ่งเห็นว่าเครื่องหมายการค้าที่ตนขอจดทะเบียนมิได้เหมือน หรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้ารายอื่นที่ได้ยื่นขอจดทะเบียนไว้ก่อน มีสิทธิอุทธรณ์คําสั่งของนายทะเบียน ตามมาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง ต่อคณะกรรมการภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคําสั่งของนายทะเบียน ทั้งนี้ ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๑๘ มาใช้บังคับโดยอนุโลม”

          มาตรา ๑๒ ให้ยกเลิกมาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ และมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔

          มาตรา ๑๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

         “มาตรา ๒๗ ในกรณีที่มีผู้ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามมาตรา ๑๓ หรือมาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง แล้วแต่กรณี ถ้านายทะเบียนเห็นว่าเครื่องหมายการค้านั้นเป็นเครื่องหมายการค้าซึ่งต่างเจ้าของ ต่างได้ใช้มาแล้วด้วยกันโดยสุจริต หรือมีพฤติการณ์พิเศษที่นายทะเบียนเห็นสมควรรับจดทะเบียน นายทะเบียนจะรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกันดังกล่าวให้แก่เจ้าของหลายคนก็ได้ โดยจะมีเงื่อนไขและข้อจํากัดเกี่ยวกับวิธีการใช้และเขตแห่งการใช้เครื่องหมายการค้านั้น หรือเงื่อนไข และข้อจํากัดอื่นตามที่นายทะเบียนเห็นสมควรกําหนดด้วยก็ได้ ทั้งนี้ ให้นายทะเบียนมีหนังสือแจ้งคําสั่ง พร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ขอจดทะเบียนและเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้วทราบโดยไม่ชักช้า

           ผู้ขอจดทะเบียนหรือเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้วมีสิทธิอุทธรณ์คําสั่งของ นายทะเบียนตามวรรคหนึ่งต่อคณะกรรมการภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคําสั่งของนายทะเบียน

           คําวินิจฉัยของคณะกรรมการตามวรรคสองให้เป็นที่สุด”

           มาตรา ๑๔ ให้ยกเลิกความใน (๑) และ (๒) ของวรรคสามของมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติ เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “

        (๑) คําขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามวรรคสองยังมิได้มีการขอใช้สิทธิในการระบุวันยื่นคําขอ จดทะเบียนตามวรรคหนึ่ง และ

        (๒) คําขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามวรรคสองไม่อาจดําเนินการใดตามกฎหมาย ว่าด้วยเครื่องหมายการค้าในประเทศที่มีการยื่นคําขอจดทะเบียนไว้ต่อไป และ”

        มาตรา ๑๕ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน

         “มาตรา ๓๑ ผู้ขอจดทะเบียนมีสิทธิอุทธรณ์คําสั่งเพิกถอนของนายทะเบียนตามมาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง ต่อคณะกรรมการภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคําสั่งของนายทะเบียน”

          มาตรา ๑๖ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

         “มาตรา ๓๕ เมื่อได้ประกาศโฆษณาคําขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารายใดตามมาตรา ๒๙ แล้ว บุคคลใดเห็นว่าตนมีสิทธิดีกว่าผู้ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารายนั้น หรือเห็นว่าเครื่องหมายการค้ารายนั้น ไม่มีลักษณะอันพึงรับจดทะเบียนได้ตามมาตรา ๖ หรือการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารายนั้นไม่ถูกต้อง ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ บุคคลนั้นจะยื่นคําคัดค้านต่อนายทะเบียนก็ได้ แต่ต้องยื่นภายในหกสิบวัน นับแต่วันประกาศโฆษณาตามมาตรา ๒๙ พร้อมทั้งแสดงเหตุแห่งการคัดค้าน”

          มาตรา ๑๗ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน

          “ให้ผู้ขอจดทะเบียนยื่นคําโต้แย้งคําคัดค้านตามแบบที่อธิบดีกําหนด โดยแสดงเหตุที่ตนอาศัยเป็นหลัก ในการขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับสําเนาคําคัดค้าน และให้นายทะเบียน ส่งสําเนาคําโต้แย้งนั้นไปยังผู้คัดค้านโดยไม่ชักช้า”

           มาตรา ๑๘ ให้ยกเลิกความในวรรคสี่ของมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน

          “ในการพิจารณาและวินิจฉัยคําคัดค้าน นายทะเบียนจะมีคําสั่งให้ผู้ขอจดทะเบียนและผู้คัดค้าน มาให้ถ้อยคํา ทําคําชี้แจง หรือแสดงหลักฐานเพิ่มเติมก็ได้ หากผู้ขอจดทะเบียนหรือผู้คัดค้านไม่ปฏิบัติ ตามคําสั่งของนายทะเบียนภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคําสั่ง ให้นายทะเบียนพิจารณาและวินิจฉัย คําคัดค้านต่อไปตามหลักฐานที่มีอยู่”

          มาตรา ๑๙ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

         “ผู้ขอจดทะเบียนหรือผู้คัดค้านมีสิทธิอุทธรณ์คําวินิจฉัยของนายทะเบียนต่อคณะกรรมการ ภายในหกสิบวนนั ับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคําวินิจฉัยของนายทะเบียน ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ ให้เสร็จสิ้นโดยไม่ชักช้า”

          มาตรา ๒๐ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

         “เมื่อได้มีคําสั่งให้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้นายทะเบียนมีหนังสือ แจ้งคําสั่งให้ผู้ขอจดทะเบียนทราบ และให้ชําระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับ หนังสือแจ้งคําสั่ง ถ้าผู้ขอจดทะเบียนไม่ชําระค่าธรรมเนียมภายในกําหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าละทิ้ง คําขอจดทะเบียน”

          มาตรา ๒๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของมาตรา ๔๙ แห่งพระราชบัญญัติ เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔

          “การโอนหรือรับมรดกสิทธิในเครื่องหมายการค้าตามวรรคหนึ่ง จะเป็นการโอนหรือรับมรดก สําหรับสินค้าทั้งหมดหรือบางอย่างก็ได้”

         มาตรา ๒๒ ให้ยกเลิกมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔

         มาตรา ๒๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๕๑/๑ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔

        “มาตรา ๕๑/๑ ในกรณีที่ผู้โอน ผู้รับโอน หรือผู้รับมรดกตามมาตรา ๔๘ หรือมาตรา ๔๙ ยื่นคําขอจดทะเบียน หรือรับโอนหรือรับมรดกสิทธิในคําขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่นายทะเบียน เห็นว่าเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าที่ผู้นั้นได้โอน ได้รับโอน หรือได้รับมรดก ไม่ว่าจะใช้กับ สินค้าจําพวกเดียวกันหรือต่างจําพวกกันที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน ห้ามนายทะเบียนรับจดทะเบียน เครื่องหมายการค้านั้น ทั้งนี้ ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๑๓ หรือมาตรา ๒๐ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

         ในกรณีที่ปรากฏต่อนายทะเบียนว่า ผู้ขอจดทะเบียน หรือผู้รับโอนหรือผู้รับมรดกสิทธิในคําขอ จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามวรรคหนึ่งได้รับความยินยอมเป็นหนังสือให้จดทะเบียนเครื่องหมาย การค้านั้นได้ จากผู้โอน ผู้รับโอน หรือผู้รับมรดกทุกราย แล้วแต่กรณี ให้ถือว่าการขอจดทะเบียน เครื่องหมายการค้าดังกล่าวมีพฤติการณ์พิเศษที่นายทะเบียนจะรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่เหมือน หรือคล้ายกันดังกล่าวให้แก่เจ้าของหลายรายก็ได้ ทั้งนี้ ให้นําบทบัญญตัิมาตรา ๒๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลม”

          มาตรา ๒๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๕๒/๑ ของส่วนที่ ๓ การแก้ไขเปลี่ยนแปลง การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ในหมวด ๑ เครื่องหมายการค้า แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔

          “มาตรา ๕๒/๑ ในกรณีที่การขอจดทะเบียนการโอนหรือการรับมรดกสิทธิในเครื่องหมายการค้า ไม่เป็นไปตามมาตรา ๕๑ วรรคสอง หรือการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการการจดทะเบียนไม่เป็นไป ตามมาตรา ๕๒ ให้นายทะเบียนมีหนังสือแจ้งให้ผู้ขอจดทะเบียนหรือเจ้าของเครื่องหมายการค้าแก้ไขเปลี่ยนแปลง ให้ถูกต้องภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งนั้น

           หากผู้ขอจดทะเบียนหรือเจ้าของเครื่องหมายการค้ามิได้ปฏิบัติตามหนังสือแจ้งของนายทะเบียน ตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าละทิ้งคําขอจดทะเบียนการโอนหรือการรับมรดกสิทธิในเครื่องหมายการค้า หรือคําขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการการจดทะเบียน แล้วแต่กรณี”

           มาตรา ๒๕ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๔ มาตรา ๕๕ และมาตรา ๕๖ แห่งพระราชบัญญัติ เคร่องหมายการค ื ้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

           “มาตรา ๕๔ เจ้าของเครื่องหมายการค้าใดประสงค์จะต่ออายุการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ของตน ให้ยื่นคําขอต่ออายุต่อนายทะเบียนพร้อมทั้งชําระค่าธรรมเนียมการต่ออายุภายในสามเดือน ก่อนวันสิ้นอายุ

           ในกรณีที่เจ้าของเครื่องหมายการค้ามิได้ยื่นคําขอต่ออายุตามวรรคหนึ่ง หากประสงค์จะต่ออายุ การจดทะเบียน ให้ยื่นคําขอต่ออายุต่อนายทะเบียนพร้อมทั้งชําระค่าธรรมเนียมการต่ออายุและค่าธรรมเนียม เพิ่มร้อยละยี่สิบของค่าธรรมเนียมการต่ออายุภายในหกเดือนนับแต่วันสิ้นอายุการจดทะเบียน

           ในระหว่างระยะเวลาตามวรรคสอง หรือเมื่อเจ้าของเครื่องหมายการค้าได้ยื่นคําขอต่ออายุ และชําระค่าธรรมเนียมการต่ออายุภายในกําหนดเวลาตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองแล้ว แล้วแต่กรณี ให้ถือว่าเครื่องหมายการค้านั้นยังคงจดทะเบียนอยู่จนกว่านายทะเบียนจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น

           การขอต่ออายุการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนด ในกฎกระทรวง

           มาตรา ๕๕ ในกรณีที่เจ้าของเครื่องหมายการค้าได้ยื่นคําขอต่ออายุและชําระค่าธรรมเนียม การต่ออายุภายในกําหนดเวลาตามมาตรา ๕๔ วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง และนายทะเบียนเห็นว่าการขอต่ออายุ เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวงตามมาตรา ๕๔ วรรคสี่ ให้นายทะเบียนต่ออายุ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นอีกสิบปีนับแต่วันสิ้นอายุการจดทะเบียนเดิม หรือนับแต่วันสิ้นอายุ การจดทะเบียนที่ได้ต่อไว้ครั้งสุดท้าย แล้วแต่กรณี

          ในกรณีที่เจ้าของเครื่องหมายการค้าได้ยื่นคําขอต่ออายุและชําระค่าธรรมเนียมการต่ออายุภายใน กําหนดเวลาตามมาตรา ๕๔ วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง แต่นายทะเบียนเห็นว่าการขอต่ออายุไม่เป็นไป ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวงตามมาตรา ๕๔ วรรคสี่ ให้นายทะเบียนมีคําสั่งให้เจ้าของ เครื่องหมายการค้านั้นดําเนินการแก้ไขให้ถูกต้องภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคําสั่งนั้น และมีหนังสือ แจ้งคําสั่งให้เจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นทราบโดยไม่ชักช้า ถ้าเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นมิได้ปฏิบัติ ตามคําสั่งของนายทะเบียนภายในกําหนดเวลาดังกล่าว ให้นายทะเบียนสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมาย การค้านั้น

         มาตรา ๕๖ ในกรณีที่เจ้าของเครื่องหมายการค้ามิได้ยื่นคําขอต่ออายุและชําระค่าธรรมเนียม การต่ออายุภายในกําหนดเวลาตามมาตรา ๕๔ วรรคสอง ให้ถือว่าเครื่องหมายการค้านั้นได้ถูกเพิกถอน การจดทะเบียนแล้ว”

         มาตรา ๒๖ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “เจ้าของเครื่องหมายการค้ามีสิทธิอุทธรณ์คําสั่งของนายทะเบียนตามวรรคหนึ่งต่อคณะกรรมการ ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคําสั่งของนายทะเบียน ถ้าไม่อุทธรณ์ภายในกําหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าคําสั่งของนายทะเบียนเป็นที่สุด”

         มาตรา ๒๗ ให้ยกเลิกความใน (๓) และ (๔) ของมาตรา ๖๑ แห่งพระราชบัญญัติ เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

        “(๓) เป็นเครื่องหมายการค้าที่เหมือนกับเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว ไม่ว่าจะใช้กับสินค้าจําพวกเดียวกันหรือต่างจําพวกกัน ที่มลีักษณะอย่างเดียวกัน หรือ

         (๔) เป็นเครื่องหมายการค้าที่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว จนอาจทําให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของของสินค้าหรือแหล่งกําเนิดของสินค้า ไม่ว่าจะใช้กับสินค้าจําพวกเดียวกันหรือต่างจําพวกกัน ที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน”

        มาตรา ๒๘ ให้ยกเลิกความในวรรคสามของมาตรา ๖๙ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

        “เจ้าของเครื่องหมายการค้าหรือผู้ขอจดทะเบียนเป็นผู้ได้รับอนุญาต มีสิทธิอุทธรณ์คําสั่งของ นายทะเบียนตามวรรคหนึ่งต่อคณะกรรมการภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคําสั่งของนายทะเบียน ถ้าไม่อุทธรณ์ภายในกําหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าคําสั่งของนายทะเบียนเป็นที่สุด”

       มาตรา ๒๙ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา ๗๔ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “เจ้าของเครื่องหมายการค้าหรือผู้ได้รับอนุญาต มีสิทธิอุทธรณ์คําสั่งของนายทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ต่อคณะกรรมการภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากนายทะเบียน ถ้าไม่อุทธรณ์ภายใน กําหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าคําสั่งของนายทะเบียนเป็นที่สุด”

        มาตรา ๓๐ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๗๙/๑ ของส่วนที่ ๕ การอนุญาตให้ใช้ เครื่องหมายการค้า ในหมวด ๑ เครื่องหมายการค้า แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔

         “มาตรา ๗๙/๑ ในกรณีที่สัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้ามิได้กําหนดไว้เป็นอย่างอื่น สัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าย่อมไม่ระงับไปเพราะเหตุการโอนหรือการรับมรดกสิทธิในเครื่องหมาย การค้าที่มีการทําสัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้านั้น”

         มาตรา ๓๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นหมวด ๑/๑ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ภายใต้พิธีสารมาดริด มาตรา ๗๙/๒ มาตรา ๗๙/๓ มาตรา ๗๙/๔ มาตรา ๗๙/๕ มาตรา ๗๙/๖ มาตรา ๗๙/๗ มาตรา ๗๙/๘ มาตรา ๗๙/๙ มาตรา ๗๙/๑๐ มาตรา ๗๙/๑๑ มาตรา ๗๙/๑๒ มาตรา ๗๙/๑๓ มาตรา ๗๙/๑๔ และมาตรา ๗๙/๑๕ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔

“หมวด ๑/๑

การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าภายใต้พิธีสารมาดริด

              มาตรา ๗๙/๒ ในหมวดนี้

            “พิธีสารมาดริด” หมายความว่า พิธีสารที่เกี่ยวกับความตกลงมาดริดเรื่องการจดทะเบียนระหว่าง ประเทศของเครื่องหมาย ซึ่งได้รับรอง ณ กรุงมาดริด เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม

            “คําขอจดทะเบียนระหว่างประเทศ” หมายความว่า คําขอเพื่อการจดทะเบียนระหว่างประเทศ สําหรับเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วม ที่ยื่นภายใต้ พิธีสารมาดริด

           “สํานักระหว่างประเทศ” หมายความว่า สํานักระหว่างประเทศขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก

           “สํานักงานต้นทาง” หมายความว่า สํานักงานที่รับคําขอจดทะเบียนหรือรับจดทะเบียน เครื่องหมายการค้าที่ใช้เป็นฐานในการย่นคื ําขอจดทะเบียนระหว่างประเทศ

            มาตรา ๗๙/๓ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าภายใต้พิธีสารมาดริด ให้เป็นไปตามบทบัญญัติ ในหมวดนี้ และให้นําบทบัญญัติในหมวด ๑ เครื่องหมายการค้า เว้นแต่มาตรา ๑๐ มาตรา ๔๐ วรรคสอง และมาตรา ๕๙ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

            มาตรา ๗๙/๔ ผู้มีสิทธิยื่นคําขอจดทะเบียนระหว่างประเทศในราชอาณาจักรต้องเป็นผู้ซึ่งได้ ยื่นคําขอจดทะเบียนหรือเป็นผู้ซึ่งได้รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้แล้วในราชอาณาจักร และ มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

           (๑) มีสัญชาติไทย หรือเป็นนิติบุคคลที่มีสํานักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศไทย หรือ

           (๒) มีภูมิลําเนาอยู่ในประเทศไทย หรือ

           (๓) มีสถานประกอบอุตสาหกรรมหรือพาณิชยกรรมและยังคงประกอบการอย่างจริงจังในประเทศไทย

          มาตรา ๗๙/๕ ผู้ซึ่งได้ยื่นคําขอจดทะเบียนระหว่างประเทศในราชอาณาจักร มีสิทธิขอรับ ความคุ้มครองต่อภาคีอื่น และอาจขอรับความคุ้มครองเพิ่มเติมภายหลังจากที่ได้รับการจดทะเบียน ระหว่างประเทศแล้วก็ได้

        มาตรา ๗๙/๖ เมื่อได้รับแจ้งการขอจดทะเบียนระหว่างประเทศที่ระบุขอรับความคุ้มครอง ในราชอาณาจักรจากสํานักระหว่างประเทศแล้ว ให้ถือว่าเป็นคําขอจดทะเบียนในราชอาณาจักร และ ให้นายทะเบียนดําเนินการตามพระราชบัญญัตินี้

        ในกรณีที่นายทะเบียนเห็นว่าเครื่องหมายการค้าตามวรรคหนึ่งไม่มีลักษณะอันพึงรับจดทะเบียนได้ หรือการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้นายทะเบียน มีคําสั่งไม่รับจดทะเบียน และแจ้งคําสั่งพร้อมด้วยเหตุผลไปยังสํานักระหว่างประเทศภายในระยะเวลา และตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดในกฎกระทรวง

        ในกรณีที่นายทะเบียนเห็นว่าอาจมีการคัดค้านเกินระยะเวลาที่กําหนดในกฎกระทรวงตามวรรคสอง ให้มีหนังสือแจ้งไปยังสํานักระหว่างประเทศภายในระยะเวลาและตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนด ในกฎกระทรวง และในกรณีที่มีคําสั่งไม่รับจดทะเบียนเนื่องจากการคัดค้านนั้น ให้นายทะเบียนมีหนังสือ แจ้งคําสั่งพร้อมด้วยเหตุแห่งการคัดค้านไปยังสํานักระหว่างประเทศภายในระยะเวลา และตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดในกฎกระทรวง

       ในกรณีที่ไม่มีการแจ้งอย่างหนึ่งอย่างใดไปยังสํานักระหว่างประเทศตามวรรคสองหรือวรรคสาม ให้ถือว่านายทะเบียนรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้น โดยไม่ต้องประกาศโฆษณาตามมาตรา ๒๙

      เมื่อได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแล้ว ให้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวได้รับความคุ้มครอง เช่นเดียวกับเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนในราชอาณาจักร

         มาตรา ๗๙/๗ เมื่อได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารายใดแล้ว ให้ถือว่าวันที่ยื่นคําขอจดทะเบียน ระหว่างประเทศต่อสํานักงานต้นทางเป็นวันที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้น เว้นแต่ในกรณีที่สํานัก ระหว่างประเทศได้รับคําขอจดทะเบียนระหว่างประเทศเกินระยะเวลาที่กําหนดในกฎกระทรวง ให้ถือว่าวันที่ สํานักระหว่างประเทศได้รับคําขอจดทะเบียนระหว่างประเทศเป็นวันที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้น

        การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้มีอายุสิบปีนับแต่วันที่จดทะเบียนตามวรรคหน่ึง และ อาจต่ออายุได้ตามพระราชบัญญัตินี้

       มาตรา ๗๙/๘ ในกรณีที่มีการระบุขอรับความคุ้มครองในราชอาณาจักรภายหลังจากที่สํานัก ระหว่างประเทศได้จดทะเบียนไว้แล้ว ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๗๙/๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ทั้งนี้ ให้ถือว่า เครื่องหมายการค้านั้นได้รับความคุ้มครองในราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่สํานักระหว่างประเทศได้บันทึกการขอรับความคุ้มครองในทะเบียนระหว่างประเทศ และให้วันสิ้นอายุการจดทะเบียนเป็นวันเดียวกับ วันสิ้นอายุในทะเบียนระหว่างประเทศนั้น และอาจต่ออายุได้ตามพระราชบัญญัตินี้

        มาตรา ๗๙/๙ ในกรณีที่เครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร เป็นเครื่องหมายเดียวกันกับเครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนระหว่างประเทศซึ่งได้รับความคุ้มครอง ในราชอาณาจักรแล้ว และเป็นของเจ้าของเดียวกัน เจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นอาจขอให้นายทะเบียน บันทึกว่าเครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนระหว่างประเทศมีผลแทนเครื่องหมายการค้าที่ได้รับ การจดทะเบียนในราชอาณาจักรสําหรับสินค้าทั้งหมดหรือบางอย่างที่ตรงกันก็ได้

       บทบัญญัติตามวรรคหนึ่ง ไม่กระทบถึงสิทธิที่ได้มาจากการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ในราชอาณาจักรที่มีอยู่ก่อน

       มาตรา ๗๙/๑๐ ในกรณีที่คําขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ยื่นไว้ ณ สํานักงานต้นทาง รวมถึงทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนตามคําขอดังกล่าว หรือทะเบียนเครื่องหมายการค้า ที่จดทะเบียนไว้ ณ สํานักงานต้นทาง ซึ่งใช้เป็นฐานในการยื่นคําขอจดทะเบียนระหว่างประเทศสําหรับ เครื่องหมายการค้ารายใด ถูกถอนคืน ละทิ้ง ปฏิเสธ หรือเพิกถอน แล้วแต่กรณี สําหรับสินค้าทั้งหมด หรือบางอย่าง ภายในระยะเวลาที่กําหนดในกฎกระทรวง และเมื่อได้รับแจ้งการเพิกถอนทะเบียนระหว่าง ประเทศสําหรับเครื่องหมายการค้านั้นจากสํานักระหว่างประเทศแล้ว ให้ถือว่าคําขอจดทะเบียนหรือทะเบียน เครื่องหมายการค้าที่ระบุขอรับความคุ้มครองในราชอาณาจักร ถูกถอนคืน ละทิ้ง ปฏิเสธ หรือเพิกถอน แล้วแต่กรณี สําหรับสินค้าทั้งหมดหรือบางอย่างเช่นเดียวกัน ณ วันที่ทะเบียนระหว่างประเทศถูกเพิกถอน

        บทบัญญัติตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้บังคับแก่กรณีที่มีการดําเนินการเกี่ยวกับการถอนคืน ละทิ้ง ปฏิเสธ หรือเพิกถอน ก่อนสิ้นระยะเวลาที่กําหนดในกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่ง แต่ผลของการดําเนินการ ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากระยะเวลานั้นสิ้นสุดแล้วด้วย

       ในกรณีที่ประเทศไทยเป็นสํานักงานต้นทาง เมื่อมีเหตุตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้นายทะเบียน แจ้งไปยังสํานักระหว่างประเทศ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดในกฎกระทรวง

       มาตรา ๗๙/๑๑ ในกรณีที่ทะเบียนระหว่างประเทศสําหรับเครื่องหมายการค้าใดซึ่งระบุขอรับ ความคุ้มครองในราชอาณาจักรถูกเพิกถอนโดยสํานักระหว่างประเทศเนื่องจากเหตุตามมาตรา ๗๙/๑๐ เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ทะเบียนระหว่างประเทศถูกเพิกถอนอาจยื่นคําขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้น ในราชอาณาจักรสําหรับสินค้าเดียวกันได้ ทั้งนี้ ต้องเป็นการยื่นภายในระยะเวลา และตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดในกฎกระทรวง และให้ถือว่าวันที่จดทะเบียนระหว่างประเทศตามมาตรา ๗๙/๗ หรือ วันที่บันทึกการขอรับความคุ้มครองภายหลังการจดทะเบียนระหว่างประเทศตามมาตรา ๗๙/๘ แล้วแต่กรณี เป็นวันที่ยื่นคําขอจดทะเบียนในราชอาณาจักร

          มาตรา ๗๙/๑๒ หนังสือเรียก หนังสือแจ้ง หรือหนังสืออื่นใด ที่มีถึงผู้ขอจดทะเบียนระหว่างประเทศ หรือเจ้าของทะเบียนระหว่างประเทศ ตัวแทน ผู้รับมอบอํานาจ หรือบุคคลอื่นใด เพื่อปฏิบัติการ ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ส่งไปยังสํานักระหว่างประเทศ เพื่อแจ้งต่อไปให้บุคคลนั้นทราบ เว้นแต่เป็นกรณีที่กําหนด ในกฎกระทรวง ทั้งนี้ การส่งหนังสือดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนด ในกฎกระทรวง

          เมื่อได้ส่งตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดในวรรคหนึ่ง และเวลาได้ล่วงพ้นไปตามที่ กําหนดในกฎกระทรวง ให้ถือว่าบุคคลตามวรรคหนึ่งได้รับหนังสือนั้นแล้ว

         มาตรา ๗๙/๑๓ การขอและการจดทะเบียน การขอบันทึกการจดทะเบียนระหว่างประเทศ แทนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในราชอาณาจักร การขอรับความคุ้มครอง การแก้ไขเปลี่ยนแปลง รายการในทะเบียน การอุทธรณ์คําสั่งของนายทะเบียน และการต่ออายุการจดทะเบียน รวมทั้ง การดําเนินการอื่นใดภายใต้พิธีสารมาดริด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนด ในกฎกระทรวง

        มาตรา ๗๙/๑๔ การออกกฎกระทรวงตามมาตรา ๗๙/๖ มาตรา ๗๙/๗ มาตรา ๗๙/๑๐ มาตรา ๗๙/๑๑ มาตรา ๗๙/๑๒ และมาตรา ๗๙/๑๓ ต้องดําเนินการให้สอดคล้องกับพิธีสารมาดริด

        ค่าดําเนินการในต่างประเทศภายใต้พิธีสารมาดริดให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศตามที่สํานัก ระหว่างประเทศกําหนด

        มาตรา ๗๙/๑๕ บทบัญญัติในหมวดนี้ให้ใช้บังคับโดยอนุโลมแก่เครื่องหมายบริการ เครื่องหมาย รับรอง และเครื่องหมายร่วม ที่ขอจดทะเบียนระหว่างประเทศภายใต้พิธีสารมาดริด แล้วแต่กรณีด้วย”

         มาตรา ๓๒ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๘๙ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

         “มาตรา ๘๙ เจ้าของเครื่องหมายรับรองนั้นหรือบุคคลอื่นใด ที่ได้รับหรือจะได้รับความเสียหาย จากคําสั่งของนายทะเบียนตามมาตรา ๘๗ หรือมาตรา ๘๘ มีสิทธิอุทธรณ์คําสั่งดังกล่าวต่อคณะกรรมการ ภายในหกสิบวันนับแต่วันประกาศโฆษณาตามมาตรา ๘๗ หรือนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคําสั่งของ นายทะเบียนตามมาตรา ๘๘ แล้วแต่กรณี”

       มาตรา ๓๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๐๙/๑ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔

       “มาตรา ๑๐๙/๑ บุคคลใดนําหีบห่อหรือภาชนะที่แสดงเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วม ของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักรมาใช้สําหรับสินค้าของตนเองหรือของบุคคลอื่น เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้า หรือเครื่องหมายร่วม หรือเชื่อว่าเป็นสินค้าที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองนั้น ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสี่ปี หรือ ปรับไม่เกินสี่แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”

        มาตรา ๓๔ ให้ยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้อัตราค่าธรรมเนียม ท้ายพระราชบัญญัตินี้แทน

       มาตรา ๓๕ ภายใต้บังคับมาตรา ๓๖ บรรดาคําขอที่ได้ยื่นไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นคําขอตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ และให้ดําเนินการดังต่อไปนี้

       (๑) ในกรณีที่นายทะเบียนได้มีคําสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดไว้แล้ว ให้การดําเนินการเกี่ยวกับคําขอดังกล่าว อยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่ พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะถึงที่สุด

       (๒) ในกรณีที่นายทะเบียนยังมิได้มีคําสั่งอย่างหนึ่งอย่างใด ให้การดําเนินการเกี่ยวกับคําขอดังกล่าว อยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัตินี้

        การดําเนินการเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมสําหรับคําขอตามวรรคหนึ่ง ให้อยู่ในบังคับของบทบัญญัติ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผล ใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะถึงที่สุด

         เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วม ที่มีคําสั่ง ให้จดทะเบียนเป็นเครื่องหมายชุดไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือเป็นเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วม ที่มิได้มีคําสั่งให้จดทะเบียนเป็นเครื่องหมายชุด ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้

         มาตรา ๓๖ ในกรณีที่มีผู้ขอจดทะเบียนหลายรายต่างยื่นคําขอจดทะเบียนเป็นเจ้าของ เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วมไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคับ และนายทะเบียนมีคําสั่งแล้วว่า เครื่องหมายดังกล่าวเป็นเครื่องหมายที่เหมือนกันหรือคล้ายกัน แต่ยังมิได้มีคําสั่งให้ผู้ขอจดทะเบียนตกลงกันว่าจะให้รายหนึ่งรายใดเป็นผู้ขอจดทะเบียนเป็นเจ้าของ เครื่องหมายนั้นแต่ผู้เดียว ให้การดําเนินการเฉพาะในกรณีดังกล่าวเป็นไปตามพระราชบัญญัติเครื่องหมาย การค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติน

        มาตรา ๓๗ คําสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนสําหรับเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วม ตามมาตรา ๕๘ และมาตรา ๕๙ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ที่นายทะเบียนได้มีคําสั่งก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้การดําเนินการเกี่ยวกับคําสั่ง เพิกถอนและค่าธรรมเนียมในเรื่องดังกล่าวอยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีการเพิกถอน หรือไม่เพิกถอนการจดทะเบียน แล้วแต่กรณี

        มาตรา ๓๘ บรรดากฎกระทรวงหรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่ ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีกฎกระทรวงหรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

       มาตรา ๓๙ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

ผู้รูับสนองพระบรมราชโองการ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายกรัฐมนตรี

อัตราค่าธรรมเนียม

(๑) คําขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง

หรือเครื่องหมายร่วม

(ก) สินค้าหรือบริการแต่ละจําพวก ๑ ถึง ๕ อย่าง                              อย่างละ ๑,๐๐๐ บาท

(ข) สินค้าหรือบริการแต่ละจําพวก มากกว่า ๕ อย่าง                       จําพวกละ ๙,๐๐๐ บาท

(๒) รูปเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ

เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วม

ที่มีด้านกว้างหรือด้านยาวเกิน ๕ เซนติเมตร

ให้คิดเฉพาะส่วนที่เกิน                                                              เซนติเมตรละ ๒๐๐ บาท

เศษของเซนติเมตรให้คิดเป็นหนึ่งเซนติเมตร

(๓) คําคัดค้านการขอจดทะเบียนตาม (๑)                                          ฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท

(๔) คําขอโอนสิทธิในคําขอจดทะเบียน

เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ

เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วม                                          คําขอละ ๒,๐๐๐ บาท

(๕) การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง

หรือเครื่องหมายร่วม

(ก) สินค้าหรือบริการแต่ละจําพวก ๑ ถึง ๕ อย่าง                                 อย่างละ ๖๐๐ บาท

(ข) สินค้าหรือบริการแต่ละจําพวก มากกว่า ๕ อย่าง                       จําพวกละ ๕,๔๐๐ บาท

(๖) ใบแทนหนังสือสําคัญแสดงการจดทะเบียน                                    ฉบับละ ๒๐๐ บาท

(๗) คําขอจดทะเบียนการโอนหรือการรับมรดกสิทธิ

ในเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ

เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วม                                         คําขอละ ๒,๐๐๐ บาท

(๘) คําขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการ

การจดทะเบียนตาม (๕)                                                                   คําขอละ ๔๐๐ บาท

(๙) การต่ออายุการจดทะเบียนตาม (๕)

(ก) สินค้าหรือบริการแต่ละจําพวก ๑ ถึง ๕ อย่าง                              อย่างละ ๒,๐๐๐ บาท

(ข) สินค้าหรือบริการแต่ละจําพวก มากกว่า ๕ อย่าง                     จําพวกละ ๑๘,๐๐๐ บาท

(๑๐) คําร้องขอต่อคณะกรรมการให้สั่งเพิกถอน

การจดทะเบียนตาม (๕)                                                                  ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท

(๑๑) คําขอจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้

เครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายบริการ                                       คําขอละ ๑,๐๐๐ บาท

(๑๒) การจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้

เครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายบริการ                                     สัญญาละ ๒,๐๐๐ บาท

(๑๓) คําขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการ

การจดทะเบียนตาม (๑๒)                                                                คําขอละ ๔๐๐ บาท

(๑๔) คําขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนตาม (๑๒)                                คําขอละ ๔๐๐ บาท

(๑๕) คําขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําขอจดทะเบียน

ตาม (๑) (๗) หรือ (๑๑)                                                                   คําขอละ ๒๐๐ บาท

(๑๖) คําขอแกไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับว่าด้วย

การใช้เครื่องหมายรับรอง

(ก) ก่อนการจดทะเบียนเครื่องหมายรับรอง                                         คําขอละ ๒๐๐ บาท

(ข) หลังการจดทะเบียนเครื่องหมายรับรอง                                         คําขอละ ๔๐๐ บาท

(๑๗) คําอุทธรณ์

(ก) อุทธรณ์คําสั่งของนายทะเบียนตาม

มาตรา ๑๖ มาตรา ๑๗ มาตรา ๒๗

หรือคําวินิจฉัยของนายทะเบียนตามมาตรา ๓๗                               ฉบับละ ๔,๐๐๐ บาท

(ข) อุทธรณ์ตามมาตราอื่น                                                             ฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท

(๑๘) การตรวจค้นข้อมูลทะเบียนเครื่องหมายการค้า

เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง

หรือเครื่องหมายร่วม

หรือสารบบเครื่องหมายดังกล่าว                                                    ชั่วโมงละ ๒๐๐ บาท

เศษของชั่วโมงให้คิดเป็นหนึ่งชั่วโมง

(๑๙) การขอสําเนาทะเบียนเครื่องหมายการค้า

เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง

หรือเครื่องหมายร่วม พร้อมคํารับรอง                                                 ฉบับละ ๔๐๐ บาท

(๒๐) การขอคัดสําเนาเอกสาร                                                             หน้าละ ๒๐ บาท

(๒๑) การขอให้รับรองสําเนาเอกสารเรื่องเดียวกัน

(ก) เอกสารไม่เกิน ๔๐ หน้า                                                                หน้าละ ๒๐ บาท

(ข) เอกสารเกิน ๔๐ หน้า                                                                 ฉบับละ ๘๐๐ บาท

(๒๒) การขอหนังสือรับรองรายการการจดทะเบียน                               ฉบับละ ๑๐๐ บาท

(๒๓) คําขออื่น ๆ                                                                            คําขอละ ๒๐๐ บาท

(๒๔) การจัดเตรียมและจัดส่งคําขอจดทะเบียน

ระหว่างประเทศและคําขออื่นภายใต้พิธีสารมาดริด

(ก) บริการจัดเตรียมและจัดส่งคําขอจดทะเบียน                             คําขอละ ๒,๐๐๐ บาท

(ข) บริการจัดเตรียมและจัดส่งคําขอต่ออายุ

คําขอโอน คําขอแก้ไขเปลี่ยนแปลง และคําขออื่น ๆ                       คําขอละ ๑,๐๐๐ บาท

(ค) คําขอให้บันทึกการจดทะเบียนระหว่างประเทศ

แทนการจดทะเบียนในราชอาณาจักร                                           คําขอละ ๒,๐๐๐ บาท

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันการคุ้มครองเครื่องหมายการค้า ในระดับสากลได้มีการขยายขอบเขตการให้ความคุ้มครองไปยังเครื่องหมายประเภทใหม่ๆ ซึ่งบทบัญญัติของ พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ยังไม่ครอบคลุม ประกอบกับประเทศไทยจะเข้าเป็นภาคีแห่งพิธีสาร ที่เกี่ยวกับความตกลงมาดริดเรื่องการจดทะเบียนระหว่างประเทศของเครื่องหมาย (พิธีสารมาดริด) ซึ่งพิธีสาร ดังกล่าวมีสาระสําคัญเป็นการกําหนดให้มีการยื่นคําขอรับความคุ้มครองเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง และเครื่องหมายร่วม ในประเทศภาคีแห่งพิธีสารมาดริด โดยการยื่นคําขอจดทะเบียนระหว่างประเทศ เพียงครั้งเดียวเพื่อขอรับความคุ้มครองไปยังประเทศต่างๆ ที่เป็นภาคีแห่งพิธีสารมาดริดได้ สมควรขยายขอบเขต การให้ความคุ้มครองเครื่องหมายการค้าและแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับพิธีสาร มาดริดดังกล่าว นอกจากนี้ ในปัจจุบันมีการนําหีบห่อหรือภาชนะที่แสดงเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วม ของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วมาใช ้ในลักษณะเป็นการหลอกลวงซึ่งก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อสาธารณชนและเจ้าของเครื่องหมายดังกล่าว สมควรกําหนดฐานความผิดและโทษทางอาญาสําหรับการกระทํา ดังกล่าว รวมทั้งสมควรปรับปรุงขั้นตอนและระยะเวลาในการดําเนินการจดทะเบียนให้มีความชัดเจนและรวดเร็ว มากขึ้น และปรับอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจําเป็นต้องตรา พระราชบัญญัตินี้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Weekly Reload Bonus - Neon 54 casino! Immediate Vault Immediate Byte Pro Invest Wave Max Cógaslann ar líne Clonaslee Pharmacy leis na praghsanna is fearr in Éirinn