Hot! พระราชบัญญัติ ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗

พระราชบัญญัติ

ป่าสงวนแห่งชาติ

พ.ศ. ๒๕๐๗

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ให้ไว้ณ วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๗

เป็นปีที่ ๑๙ ในรัชกาลปัจจุบัน

             พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกลาฯให ประกาศวาโดยที่เปนการสมควรปรับปรุงกฎหมายวาดวยการคุมครองและสงวนปา จึงทรงพระ กรุณาโปรดเกลาฯ ใหตราพระราชบัญญัติขึ้นไวโดยคําแนะนําและยินยอมของสภารางรัฐธรรมนูญ ในฐานะรัฐสภา ดังตอไปนี้

           มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกวา “พระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติพุทธศักราช ๒๕๐๗“

           มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ใหใชบังคับ ตั้งแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เปนตนไป

           มาตรา ๓ ใหยกเลิก

          (๑) พระราชบัญญัติคุมครองและสงวนปา พุทธศักราช ๒๔๘๑

          (๒) พระราชบัญญัติคุมครองและสงวนปา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๖

          (๓) พระราชบัญญัติคุมครองและสงวนปา (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๗ บรรดากฎหมาย กฎ และขอบังคับอื่น ในสวนที่มีบัญญัติไวแลวในพระราชบัญญัตินี้หรือ ซึ่งขัดหรือแยงกับบทแหงพระราชบัญญัตินี้ ใหใชพระราชบัญญัตินี้แทน

           มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้

           “ปา” หมายความวา ที่ดินรวมตลอดถึง ภูเขา หวย หนอง คลอง บึง บาง ลําน้ํา ทะเลสาบ เกาะและที่ชายทะเลที่ยังมิไดมีบุคคลไดมาตามกฎหมาย

           “ปาสงวนแหงชาติ” หมายความวา ปาที่ไดกําหนดใหเปนปาสงวนแหงชาติตาม พระราชบัญญัตินี้

           “ไม” หมายความวา ไมทุกชนิดทั้งที่เปนตน กอ หรือเถา ไมวายังยืนตนหรือลมลงแลวและ หมายความรวมตลอดถึง ราก ปุม ตอ หนอ กิ่ง ตา หัว เหงา เศษ ปลายหรือสวนหนึ่งสวนใดของไม ไมวาจะถูกตัด ฟน เลื่อย ผา ถาก ถอน ขุด หรือกระทําโดยวิธีการอื่นใด

           “ของปา” หมายความวา สิ่งตาง ๆ ที่เกิดขึ้นหรือมีอยูในปา เปนตนวา

           (๑) ไมฟน ถาน เปลือกไม ใบไม ดอกไม เมล็ด ผลไม หนอไม ชันไม และยางไม

           (๒) หญา ออ พง แขม ปรือ คา กก กระจูด กลวยไม กูด เห็ด และพืชอื่น

            (๓) ซากสัตวไข หนัง เขา นอ งา กราม ขนาย กระดูก ขน รังนก ครั่ง รังผึ้ง น้ําผึ้ง และมูลคางคาว

           (๔) ดิน หิน กรวด ทราย แรและน้ํามัน

          “สัตวเลี้ยง” หมายความวา ชาง มา ลา ลอ โค กระบือ แพะ แกะ และสุกร ที่มีเจาของ

           “ทําไม” หมายความวา ตัด ฟน กาน โคน ลิด เลื่อย ผา ถาก ทอน ขุด หรือชักลากไมที่มีอยู ในปา หรือนําไมที่มีอยูในปาออกจากปาดวยประการใด ๆ

           “พนักงานเจาหนาที่” หมายความวา ผูซึ่งรัฐมนตรีแตงตั้งใหปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติ นี้

            “อธิบดี” หมายความวา อธิบดีกรมปาไม

          “รัฐมนตรี” หมายความวา รัฐมนตรีผูรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

           มาตรา ๕ ใหรัฐมนตรีวาการกระทรวงเกษตร รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และใหมี อํานาจแตงตั้งพนักงานเจาหนาที่ และออกกฎกระทรวงกําหนดคาธรรมเนียม คาภาคหลวง และคา บํารุงปาไมไมเกินอัตราตามบัญชีทายพระราชบัญญัตินี้และกําหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัติน

            กฎกระทรวงนั้น เมื่อไดประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลวใหใชบังคับได

หมวด 1

การกําหนดปาสงวนแหงชาติ

        มาตรา ๖ บรรดาปาที่เปนปาสงวนอยูแลวตามกฎหมายวาดวยการคุมครองและสงวนปา กอนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ ใหเปนปาสงวนแหงชาติตามพระราชบัญญัตินี้

        เมื่อรัฐมนตรีเห็นสมควรกําหนดปาอื่นใดเปนปาสงวนแหงชาติ เพื่อรักษาสภาพปาไม ของ ปา หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น ใหกระทําไดโดยออกกฎกระทรวงซึ่งตองมีแผนที่แสดงแนวเขตปา ที่กําหนดเปนปาสงวนแหงชาตินั้นแนบทายกฎกระทรวงดวย

        มาตรา ๗ การเปลี่ยนแปลงเขตหรือการเพิกถอนปาสงวนแหงชาติ ไมวาทั้งหมดหรือ บางสวน ใหกระทําไดโดยออกกฎกระทรวงและเฉพาะกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิกถอน บางสวนใหมีแผนที่แสดงแนวเขตที่เปลี่ยนแปลง หรือเพิกถอนนั้นแนบทายกฎกระทรวงดวย

        มาตรา ๘ ใหพนักงานเจาหนาที่จัดใหมีหลักเขตและปายหรือเครื่องหมายอื่นแสดงแนวเขต ปาสงวนแหงชาติไวตามสมควรเพื่อใหประชาชนเห็นไดวาเปนเขตปาสงวนแหงชาติ

        มาตรา ๙ใหปดประกาศสําเนากฎกระทรวง และแผนที่ทายกฎกระทรวงตามมาตรา ๖ วรรคสอง หรือมาตรา ๗ ไว ณ ที่ทําการอําเภอหรือกิ่งอําเภอทองที่ที่ทําการ กํานันทองที่และที่ เปดเผยเห็นไดงายในหมูบานทองที่นั้น

        มาตรา ๑๐เมื่อไดกําหนดปาใดเปนปาสงวนแหงชาติแลวใหมีกรรมการสําหรับปาสงวน แหงชาตินั้นคณะหนึ่ง ประกอบดวยผูแทนกรมปาไมผูแทนกรมการปกครอง ผูแทนกรมที่ดินและ กรรมการอื่นอีกสองคน ซึ่งรัฐมนตรีแตงตั้งใหคณะกรรมการดังกลาวมีอํานาจหนาที่ดังตอไปนี้

        (๑)ควบคุมใหการเปนไปตามมาตรา ๘ และมาตรา ๙

        (๒)ดําเนินการสอบสวนและวินิจฉัยคํารองตามมาตรา ๑๓

        (๓) มีหนังสือเรียกบุคคลมาใหถอยคํา หรือใหสงเอกสารที่เกี่ยวของในการสอบสวนตาม มาตรา ๑๓

       (๔) ตั้งอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอยางหนึ่งอยางใด ตามที่คณะกรรมการ มอบหมาย

          มาตรา ๑๑การประชุมคณะกรรมการ ตองมีกรรมการประชุมไมต่ํากวากึ่งจํานวนของ กรรมการทั้งหมดจึงเปนองคประชุม และใหคณะกรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งเปนประธานแหง ที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมใหถือเสียงขางมากกรรมการคนหนึ่งใหมีเสียงหนึ่งในการ ลงคะแนน ถาคะแนนเสียงเทากันใหประธานแหงที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเปนเสียงชี้ ขาด

         มาตรา ๑๒ บุคคลใดอางวามีสิทธิหรือไดทําประโยชนในเขตปาสงวนแหงชาติใดอยูกอน วันที่กฎกระทรวงกําหนดปาสงวนแหงชาตินั้นใชบังคับใหยื่นคํารองเปนหนังสือตอนายอําเภอหรือ ปลัดอําเภอผูเปนหัวหนาประจํากิ่งอําเภอทองที่ภายในกําหนดเกาสิบวัน นับแตวันทีกฎกระทรวงนั้น ใชบังคับ ถาไมยื่นคํารองภายในกําหนดดังกลาวใหถือวาสละสิทธิหรือประโยชนนั้น

        คํารองดังกลาวในวรรคหนึ่ง ใหนายอําเภอหรือปลัดอําเภอผูเปนหัวหนาประจํากิ่งอําเภอ ทองที่สงตอไปยังคณะกรรมการสําหรับปาสงวนแหงชาตินั้นโดยไมชักชา

        ความในวรรคหนึ่ง มิใหใชบังคับแกกรณีสิทธิในที่ดินที่บุคคลมีอยูตามประมวลกฎหมาย ที่ดิน

       มาตรา ๑๓ เมื่อคณะกรรมการสําหรับปาสงวนแหงชาติไดรับคํารองตามมาตรา ๑๒ แลว ใหสอบสวนตามคํารองนั้น ถาปรากฏวาผูรองไดเสียสิทธิหรือเสื่อมเสียประโยชนใหคณะกรรมการ พิจารณากําหนดคาทดแทนใหตามที่เห็นสมควร

        ถาผูรอง ไมพอใจในคาทดแทนที่คณะกรรมการสําหรับปาสงวนแหงชาติกําหนดผูรองมี สิทธิอุทธรณตอรัฐมนตรีภายในกําหนดสามสิบวัน นับแตวันที่ไดรับแจงคําวินิจฉัยของ คณะกรรมการ คําวินิจฉัยของรัฐมนตรีใหเปนที่สุด

         มาตรา ๑๓(๑) ทวิในกรณีที่สวนราชการและองคการของรัฐ มีความประสงคจะใชพื้นที่ บางแหงภายในเขตปาสงวนแหงชาติเปนสถานที่ปฏิบัติงาน หรือเพื่อประโยชนของรัฐอยางอื่น ใหอธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีมีอํานาจประกาศกําหนดบริเวณดังกลาวเปนบริเวณที่ทางราชการใช ประโยชนภายในเขตปาสงวนแหงชาติไดและในบริเวณดังกลาวมิใหนํามาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๖ มาใชบังคับแกการที่สวนราชการหรือองคการนั้น ๆ จําเปนตองกระทําเพื่อใหบรรลุวัตถุประสงคใน การปฏิบัติงานเพื่อใชประโยชนในพื้นที่นั้น

       การใชพื้นที่ตามวรรคหนึ่งถาที่ดินในบริเวณที่ทางราชการใชประโยชนมีแนวเขตทับที่ดิน ซึ่งบุคคลไดรับประโยชนตามมาตรา ๑๔ อยูแลวใหการรับประโยชนในที่ดินสวนที่เปนบริเวณที่ ทางราชการใชประโยชนนั้นสิ้นสุดลง เมื่อพนกําหนดสามรอยหกสิบวัน นับแตวันที่ประกาศ กําหนดบริเวณดังกลาวเปนบริเวณที่ทางราชการใชประโยชน

        การใชพื้นที่ตามวรรคหนึ่ง ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีกําหนด โดยอนุมัติรัฐมนตรี

(๑) มาตรา ๑๖ ทวิเพิ่มเติมโดย มาตรา ๓ แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๘

หมวด 2

การควบคุมและรักษาปาสงวนแหงชาติ

        มาตรา ๑๔(๒) ในเขตปาสงวนแหงชาติหามมิใหบุคคลใดยึดถือครอบครองทําประโยชน หรืออยูอาศัยในที่ดินกอสรางแผวถาง เผาปา ทําไม เก็บหาของปาหรือกระทําดวยประการใด ๆ อัน เปนการเสื่อมเสียแกสภาพปาสงวนแหงชาติเวนแต

        (๑) ทําไมหรือเก็บหาของปา ตามมาตรา ๑๕ เขาทําประโยชนหรืออยูอาศัยตามมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๖ ทวิ หรือมาตรา ๑๖ ตรี กระทําการตามมาตรา ๑๗ ใชประโยชนตามมาตรา ๑๘ หรือ กระทําการตามมาตรา ๑๗ หรือมาตรา ๒๐

        (๒) ทําไมหวงหามหรือเก็บหาของปาหวงหามตามกฎหมายวาดวยปาไม

        มาตรา ๑๕ การทําไมหรือเก็บหาของปาในเขตปาสงวนแหงชาติใหกระทําไดเมื่อไดรับ ใบอนุญาตจากพนักงานเจาหนาที่หรือเมื่อพนักงานเจาหนาที่ไดประกาศอนุญาตไวเปนคราว ๆ ใน เขตปาสงวนแหงชาติแหงหนึ่งแหงใดโดยเฉพาะการอนุญาตใหเปนไปตามแบบ ระเบียบและ วิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

         มาตรา ๑๖(๓)อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีมีอํานาจอนุญาตใหบุคคลหนึ่งบุคคลใดเขาทํา ประโยชนหรืออยูอาศัยในเขตปาสงวนแหงชาติไดในกรณีดังตอไปนี้

        (๑)การเขาทําประโยชนหรืออยูอาศัยในเขตปาสงวนแหงชาติคราวละไมนอยกวา หาปแตไมเกินสามสิบปในกรณีที่ผูไดรับอนุญาตเปนสวนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ตามกฎหมายวา ดวยวิธีการงบประมาณ จะอนุญาตโดยใหยกเวนคาธรรมเนียมทั้งหมดหรือบางสวนตามที่ เห็นสมควรก็ได

       (๒)การเขาทําประโยชนเกี่ยวกับการทําเหมืองแรตามกฎหมายวาดวยแรคราวละไม เกินสิบปโดยใหไดรับยกเวนไมตองขอรับใบอนุญาตเก็บหาของปาและไมตองเสียคาภาคหลวงของ ปาตามพระราชบัญญัตินี้สําหรับแร ดินขาว หรือหิน แลวแตกรณี

        การขออนุญาตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ใหเปนไปตามหลักเกณฑวิธีการและเงื่อนไข ที่อธิบดีกําหนด โดยอนุมัติรัฐมนตรี

       มาตรา ๑๖ ทวิในกรณีที่ปาสงวนแหงชาติทั้งหมดหรือบางสวนมีสภาพเปนปาไรรางเกา หรือทุงหญา หรือเปนปาที่ไมมีไมมีคาขึ้นอยูเลย หรือมีไมมีคาที่มีลักษณะสมบูรณเหลืออยูเปนสวน นอยและปานั้นยากที่จะกลับฟนคืนดีตามธรรมชาติทั้งนี้โดยมีสภาพตามหลักเกณฑและเงื่อนไขที่ รัฐมนตรีกําหนดโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีใหถือวาปาสงวนแหงชาติในบริเวณดังกลาวเปนปาเสื่อม โทรม

         ถาทางราชการมีความจําเปนตองปรับปรุงฟนฟูสภาพปาเสื่อมโทรม ใหรัฐมนตรีประกาศ กําหนดเขตปาเสื่อมโทรมทั้งหมด หรือบางสวนเปนเขตปรับปรุงปาสงวนแหงชาติ

        ในเขตปรับปรุงปาสงวนแหงชาติถาบุคคลใดไดเขาทําประโยชนหรืออยูอาศัยในเขต ดังกลาวอยูแลวจนถึงวันที่ประกาศกําหนดตามวรรคสอง

       (๑) เมื่อบุคคลดังกลาวรองขอและอธิบดีหรือผูซึ่งอธิบดีมอบหมายเห็นวาบุคคลนั้นยังมี ความจําเปนเพื่อการครองชีพ อธิบดีหรือผูซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอํานาจอนุญาตเปนหนังสือให บุคคลดังกลาวทําประโยชนและอยูอาศัยตอไปในที่ที่ไดทําประโยชนหรือยูอาศัยอยูแลวนั้นไดแต ตองไมเกินยี่สิบไรตอหนึ่งครอบครัวและมีกําหนดเวลาคราวละไมนอยกวาหาปแตไมเกินสามสิบป ทั้งนี้ โดยไดรับการยกเวนคาธรรมเนียมสําหรับคราวแรก คราวตอ ๆ ไปตองเสียคาธรรมเนียม

        (๒) บุคคลซึ่งไดรับอนุญาตตาม (๑)อาจขออนุญาตปลูกปาหรือไมยืนตนในที่ที่ตนเคยทํา ประโยชนหรือยูอาศัยในเขตปรับปรุงปาสงวนแหงชาติเพิ่มเติมจากที่ไดรับอนุญาตแลวโดยพิสูจน ใหเห็นวาตนมีความสามารถและมีเครื่องมือหรืออุปกรณที่จะปลูกปาหรือไมยืนตนตามที่ขอเพิ่ม นั้นไดอธิบดีหรือผูซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอํานาจอนุญาตเปนหนังสือใหปลูกปาหรือไมยืนตนไดแต ตองไมเกินสามสิบหาไรตอหนึ่งครอบครัว และมีกําหนดเวลาคราวละไมนอยกวาหาปแตไมเกิน สามสิบปและตองเสียคาธรรมเนียมตามที่กฎหมายกําหนดไว

       การไดรับอนุญาตตามวรรคสาม มิใหถือวาเปนการไดมาซึ่งสิทธิในที่ดินตามประมวล กฎหมายที่ดิน

      ใหบุคคลซึ่งไดรับอนุญาตตามวรรคสาม (๑) และ (๒)ไดรับยกเวนคาภาคหลวงและคา บํารุงปา สําหรับไมที่ไดปลูกขึ้นภายในที่ดินที่ไดรับอนุญาต

      บุคคลซึ่งไดรับอนุญาตตองใชประโยชนในที่ดินตามหลักเกณฑและเงื่อนไขในระเบียบที่ อธิบดีกําหนดและจะใหบุคคลอื่นนอกจากบุคคลในครอบครัวเขาทําประโยชนในที่ดินดังกลาวมิได

      ในกรณีที่บุคคลซึ่งไดรับอนุญาตละทิ้งไมทําประโยชนหรือไมอยูอาศัยในที่ดินที่ไดรับ อนุญาตติดตอกันเกินระยะเวลาสองปหรือยินยอมใหบุคคลอื่นนอกจากบุคคลในครอบครัวเขาทํา ประโยชนหรือไมปฏิบัติตามหลักเกณฑและเงื่อนไขในระเบียบที่อธิบดีกําหนดใหอธิบดีหรือผูซึ่ง อธิบดีมอบหมายมีอํานาจเพิกถอนการอนุญาตนั้น

      มาตรา ๑๖ ตรีในกรณีที่บุคคลซึ่งไดรับอนุญาตตามมาตรา ๑๖ ทวิ ถึงแกความตายให บุคคลในครอบครัวซึ่งอาศัยอยูกับผูไดรับอนุญาตมีสิทธิอยูอาศัยหรือทําประโยชนในที่ดินนั้นตอไป ไดแตไมเกินหนึ่งรอยแปดสิบวัน นับแตวันที่ผูไดรับอนุญาตถึงแกความตาย

      ถาสามี ภรรยา บุตรคนหนึ่งคนใดหรือบุคคลในครอบครัวซึ่งอาศัยอยูกับผูไดรับอนุญาต และผูไดรับอนุญาตไดระบุไวเปนหนังสือตามแบบที่อธิบดีกําหนดใหเปนผูสืบสิทธิและหนาที่ของ ตนประสงคจะอยูอาศัยหรือทําประโยชนในที่ดินนั้นตอไปใหยื่นคําขออนุญาตตออธิบดีหรือผูซึ่ง อธิบดีมอบหมายภายในหนึ่งรอยแปดสิบวันนับแตวันที่ผูไดรับอนุญาตถึงแกความตาย

      เมื่อไดยื่นคําขออนุญาตตามวรรคสองแลวใหบุคคลตามวรรคหนึ่งอยูอาศัยหรือทํา ประโยชนตอไปไดตามที่อธิบดีหรือผูซึ่งอธิบดีมอบหมายอนุญาต

       มาตรา ๑๗ เพื่อประโยชนในการศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการอธิบดีมีอํานาจอนุญาตเปน หนังสือแกกระทรวง ทบวงกรมหรือบุคคลอื่นใดใหกระทําการอยางหนึ่งอยางใดในเขตปาสงวน แหงชาติไดตามระเบียบที่อธิบดีกําหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีและเมื่อรัฐมนตรีเห็นสมควรจะสั่ง ยกเวนคาธรรมเนียม คาภาคหลวง และคาบํารุงปาก็ได

       มาตรา ๑๘(๔)อธิบดีมีอํานาจออกระเบียบการใชประโยชนในเขตปาสงวนแหงชาติโดย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในเรื่องดังตอไปนี้

        (๑) การเขาไป การผานหรือการใชทาง

        (๒)การนําหรือปลอยสัตวเลี้ยงเขาไป

         ระเบียบตามวรรคหนึ่งจะใชบังคับในเขตปาสงวนแหงชาติแหงใด ใหประกาศ ณ ที่วาการ อําเภอ ที่ทําการกํานัน และที่ทําการผูใหญบานในทองที่ที่ปาสงวนแหงชาติแหงนั้นตั้งอยู

        มาตรา ๑๙เพื่อประโยชนในการควบคุม ดูแล รักษาหรือบํารุงปาสงวนแหงชาติอธิบดีมี อํานาจสั่งเปนหนังสือใหพนักงานเจาหนาที่หรือเจาหนาที่ของกรมปาไมกระทําการอยางหนึ่งอยาง ใดในเขตปาสงวนแหงชาติได

        มาตรา ๒๐(๕) ในกรณีปาสงวนแหงชาติแหงใดมีสภาพเปนปาเสื่อมโทรมตามมาตรา ๑๖ ทวิใหอธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีมีอํานาจอนุญาตเปนหนังสือใหบุคคลหนึ่งบุคคลใดทําการบํารุงปา หรือปลูกสรางสวนปา หรือไมยืนตนในเขตปาเสื่อมโทรมไดภายในระยะเวลาและตามเงื่อนไขที่ กําหนดในหนังสืออนุญาต แตในกรณีที่จะอนุญาตใหเกิน ๒,๐๐๐ ไร ตองไดรับอนุมัติจาก คณะรัฐมนตรี

         รัฐมนตรีอาจกําหนดใหผูรับอนุญาตเสียคาตอบแทนใหแกรัฐบาลไดตามจํานวนที่ เห็นสมควรโดยประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ

         มาตรา ๒๑ใบอนุญาตทําไมหรือเก็บหาของปา ในเขตปาสงวนแหงชาติ ตามมาตรา ๑๕ ให ใชไดภายในระยะเวลาที่ระบุไวในใบอนุญาต ตามระเบียบที่อธิบดีกําหนดซึ่งตองไมเกินหนึ่งปนับ แตวันออกใบอนุญาต

         การตออายุใบอนุญาต ใหเปนไปตามแบบ ระเบียบและวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

         มาตรา ๒๒ ในกรณีใบอนุญาตสูญหายหรือถูกทําลาย ใหยื่นคําขอใบแทนใบอนุญาตตอ พนักงานเจาหนาที่

         การออกใบแทนใบอนุญาต ใหเปนไปตามแบบ ระเบียบและวิธีการที่กําหนดใน กฎกระทรวง

         มาตรา ๒๓ ใบอนุญาตที่ออกใหตามมาตรา ๑๕ จะโอนกันไดตอเมื่อไดรับอนุญาตจาก พนักงานเจาหนาที่

         การโอนใบอนุญาต ใหเปนไปตามระเบียบและวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

        มาตรา ๒๔ ผูรับใบอนุญาต หรือหนังสืออนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ตองจัดใหคนงาน ผูรับจางหรือผูแทนของผูรับใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาตมีใบคูมือสําหรับทําการตามที่ไดรับ อนุญาตตามแบบ ระเบียบและวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

        มาตรา ๒๕ เมื่อไดกําหนดปาใดเปนปาสงวนแหงชาติและรัฐมนตรีไดแตงตั้งพนักงาน เจาหนาที่ผูควบคุมและรักษาปาสงวนแหงชาตินั้นแลวใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจดังตอไปนี้

         (๑) สั่งใหผูหนึ่งผูใดออกจากปาสงวนแหงชาติ หรือใหงดเวนการกระทําใด ๆ ในเขตปา สงวนแหงชาติในกรณีที่มีขอเท็จจริงปรากฏหรือเหตุอันควรสงสัยวามีการกระทําผิดตาม พระราชบัญญัตินี้

        (๒) สั่งเปนหนังสือใหผูกระทําผิดตอพระราชบัญญัตินี้รื้อถอนแกไขหรือทําประการอื่น ใดแกสิ่งที่เปนอันตราย หรือสิ่งที่ทําใหเสื่อมสภาพในเขตปาสงวนแหงชาติ ภายในเวลาที่กําหนดให

         (๓) ยึด ทําลายรื้อถอน แกไขหรือทําประการอื่น เมื่อผูกระทําผิดไมปฏิบัติตาม (๒)ไม ปรากฏตัวผูกระทําผิดหรือรูตัวผูกระทําผิดแตหาตัวไมพบ

         ถาพนักงานเจาหนาที่ไดปฏิบัติการอยางหนึ่งอยางใดดังกลาวและไดเสียคาใชจายเพื่อการ นั้น ใหผูกระทําผิดชดใชหรือออกคาใชจายนั้นทั้งหมด หรือใหพนักงานเจาหนาที่นําทรัพยสินที่ยึด ไวไดออกขายทอดตลาดหรือขายโดยวิธีอื่นตามที่เห็นสมควรเพื่อชดใชคาใชจายนั้น และใหนํา ความในมาตรา ๑๓๒๗ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยมาใชบังคับแกเงินที่ไดจากการขาย ทรัพยสินนั้นโดยอนุโลม

        (๔)ดําเนินการอยางหนึ่งอยางใดที่เห็นสมควร ทั้งนี้เพื่อปองกันหรือบรรเทาความเสียหาย แกปาสงวนแหงชาติในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน

          มาตรา ๒๖การจับกุม ปราบปรามผูกระทําผิดตามพระราชบัญญัตินี้ใหพนักงานเจาหนาที่ เปนพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

          มาตรา ๒๗ เมื่อปรากฏวาผูรับใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาต คนงานผูรับจางหรือผูแทน ของผูรับใบอนุญาต หรือหนังสืออนุญาตกระทําผิดตอพระราชบัญญัตินี้หรือกฎกระทรวง หรือ เงื่อนไขในใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาต ซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้อันอาจเปนการเสียหาย อยางรายแรง ใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจสั่งเปนหนังสือใหพักใชใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาต ไดมีกําหนดไมเกินหกสิบวัน นับแตวันที่ออกคําสั่ง

         คําสั่งพักใชใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาตตามวรรคหนึ่งอธิบดีมีอํานาจสั่งเพิกถอนคําสั่ง หรือเพิ่มหรือลดระยะเวลาที่สั่งพักใชใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาตไดตามที่เห็นสมควรแตใน กรณีที่มีคําสั่งเพิ่มระยะเวลาดังกลาวนั้นจะเพิ่มไดไมเกินหนึ่งรอยยี่สิบวัน

         มาตรา ๒๘ คําสั่งพักใชใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาตของพนักงานเจาหนาที่หรือคําสั่ง ของอธิบดีตามมาตรา ๒๗ ผูรับใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาตมีสิทธิอุทธรณตอรัฐมนตรีโดยยื่น อุทธรณตอพนักงานเจาหนาที่ภายในกําหนดสามสิบวันนับแตวันที่ทราบคําสั่ง

         คําวินิจฉัยของรัฐมนตรีใหเปนที่สุด

         มาตรา ๒๙ในกรณีที่มีการสั่งพักใชใบอนุญาต หรือหนังสืออนุญาตแลวถารัฐมนตรี เห็นสมควรก็ใหมีอํานาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาตนั้นได

         มาตรา ๓๐ในกรณีมีความจําเปนเพื่อประโยชนแกราชการ หรือสาธารณะประโยชนหรือ เมื่อปรากฏวาไดมีการอนุญาตไปโดยมิชอบ รัฐมนตรีมีอํานาจสั่งเพิกถอนการอนุญาตรายหนึ่งราย ใดทั้งหมดหรือบางสวนได

        ในกรณีมิใชเปนความผิดของผูถูกสั่งเพิกถอนการอนุญาต ใหจายคาทดแทนดวยจํานวนเงิน อันเปนธรรมแกผูถูกสั่งเพิกถอนการอนุญาตนั้น

         (๒) มาตรา ๑๔ ถูกยกเลิกตามความในมาตรา ๔ แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ(ฉบับ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใชขอความนี้แทน

         (๓) มาตรา ๑๖ ถูกยกเลิกตามความในมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใชขอความนี้แทน

         (๔) มาตรา ๑๘ ถูกยกเลิกตามความในมาตรา ๗ แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใชขอความนี้แทน

        (๕) มาตรา ๒๐ ถูกยกเลิกตามความในมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใชขอความนี้แทน

หมวด 3

บทกําหนดโทษ

         มาตรา ๓๑(๖)ผูใดฝาฝนมาตรา ๑๔ ตองระวางโทษจําคุกตั้งแตหกเดือนถึงหาปและ ปรับตั้งแตหาพันบาทถึงหาหมื่นบาท

        ในกรณีความผิดตามมาตรานี้ ถาไดกระทําเปนเนื้อที่เกินยี่สิบหาไรหรือกอใหเกิดความ เสียหายแก

        (๑) ไมสักไมยาง ไมสนเขาหรือไมหวงหามประเภท ข. ตามกฎหมายวาดวยปาไม หรือ

        (๒)ไมอื่นที่เปนตนหรือเปนทอนอยางใดอยางหนึ่งหรือทั้งสองอยางรวมกันเกินยี่สิบตน หรือทอน หรือรวมปริมาตรไมเกินสี่ลูกบาศกเมตร หรือ

        (๓) ตนน้ําลําธาร

        ผูกระทําความผิดตองระวางโทษจําคุกตั้งแตสองปถึงสิบหาปและปรับตั้งแตสองหมื่นบาท ถึงหนึ่งแสนหาหมื่นบาท

        ในกรณีที่มีคําพิพากษาชี้ขาดวา บุคคลใดกระทําความผิดตามมาตรานี้ถาปรากฏวาบุคคล นั้นยึดถือหรือครอบครองที่ดินในเขตปาสงวนแหงชาติศาลมีอํานาจสั่งใหผูกระทําผิด คนงาน ผูรับ จางผูแทนและบริวารของผูกระทําผิดออกจากเขตปาสงวนแหงชาติได

       มาตรา ๓๒ ผูใดฝาฝนมาตรา ๒๔ ตองระวางโทษปรับไมเกินหนึ่งพันบาท

        มาตรา ๓๓(๗)ผูใดทําใหเสียหาย ทําลายซึ่งหลักเขต ปาย หรือเครื่องหมายอื่นใดที่จัดใหมี ขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสามป หรือปรับไมเกินสามหมื่นบาท หรือทั้ง จําทั้งปรับ

       มาตรา ๓๓ ทวิผูใดไมปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกําหนดตามมาตรา ๑๘ หรือขัดคําสั่ง พนักงานเจาหนาที่ซึ่งสั่งตามมาตรา ๒๕ (๑) หรือ (๒) ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหกเดือน หรือ ปรับไมเกินหาพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

       มาตรา ๓๔ ผูใดรับไวดวยประการใด ซอนเรน จําหนวย หรือชวยพาเอาไปเสียซึ่งไมหรือ ของปาที่ตนรูอยูแลววา เปนไมหรือของปาที่ผูไดมาโดยการกระทําผิดตามพระราชบัญญัตินี้ตอง ระวางโทษเสมือนเปนตัวการในการกระทําผิดนั้น

       มาตรา ๓๕ บรรดาไม ของปา เครื่องมือ เครื่องใช อาวุธ สัตวพาหนะ ยานพาหนะ หรือ เครื่องจักรกลใด ๆ ซึ่งบุคคลใชหรือไดมาโดยการกระทําผิดตามพระราชบัญญัตินี้ใหริบเสียทั้งสิ้น โดยไมคํานึงวาเปนของผูกระทําผิดและมีผูถูกลงโทษตามคําพิพากษาของศาลหรือไม

———————————————————-

          (๖) มาตรา ๓๑ ถูกยกเลิกตามความในมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ และใชขอความนี้แทน

          (๗) มาตรา ๓๓ ถูกยกเลิกตามความในมาตรา ๔ แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ และใชขอความนี้แทน

บทเฉพาะกาล

           มาตรา ๓๖ บรรดาปาที่เปนปาคุมครองอยูแลวตามกฎหมายวาดวยการคุมครองและสงวน ปากอนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ ใหถือวาเปนปาสงวนแหงชาติตามพระราชบัญญัตินี้ จนกวาจะมีกฎกระทรวงออกตามมาตรา ๖ วรรคสอง หรือมาตรา ๗ ซึ่งตองออกภายในหาป นับแต วันที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ

            มาตรา ๓๗ ใบอนุญาตที่ออกใหแกบุคคลกระทําการใด ๆ ตามกฎหมายวาดวยการคุมครอง และสงวนปากอนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ ใหใชไดตอไปจนสิ้นอายุตามที่ระบุไวใน ใบอนุญาตนั้น

           มาตรา ๓๘ ภายในระยะเวลาหนึ่งป นับแตวันที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับบรรดา กฎกระทรวง ประกาศขอกําหนด และระเบียบการตาง ๆ ที่ไดออกตามกฎหมายวาดวยการคุมครอง และสงวนปาและใชอยูในวันประกาศพระราชบัญญัตินี้ในราชกิจจานุเบกษา ใหคงใชบังคับตอไป เทาที่ไมขัดหรือแยงกับพระราชบัญญัตินี้ทั้งนี้จนกวาจะมีกฎกระทรวงประกาศขอกําหนดหรือ ระเบียบการตาง ๆ ยกเลิกหรือมีความอยางเดียวกัน หรือขัด หรือแยงกัน หรือกลาวไวเปนอยางอื่น

ผูรับสนองพระบรมราชโองการ

จอมพล ถนอม กิตติขจร

นายกรัฐมนตรี

————–

ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๘๑ ตอนที่ ๓๘ วันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๗

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Weekly Reload Bonus - Neon 54 casino! Martian Wallet is a secure and user-friendly platform for managing your cryptocurrencies. It supports various assets and offers seamless transactions for both beginners and experts. Learn more at martianwallet.net. Visit the metamask website to download the wallet extension for securely managing crypto assets and interacting with decentralized apps.